ใครที่กำลังหา Roadtrip ขับเองสบายๆ สั้นๆ ง่ายๆ ชิลๆ ในยุโรป ที่ได้ทั้งธรรมชาติ ได้หยุดเที่ยวเมืองเล็กเมืองน้อย รวมไปถึง shopping ในเมืองใหญ่อย่าง Munich และ Frankfurt แนะนำ Route นี้เลยค่ะ Romantic Road (Romantische Straße)!! Route นี้ สบายและสวยตามชื่อจริงๆ ยิ่งใครที่ชอบขับรถเร็วๆคงจะต้องไปลองวิ่ง AutoBahn ถนนทางด่วนที่วิ่งระหว่างเมืองดูสักครั้ง บอกเลยถนนคุณภาพดีมากจริงๆ ถนนเส้นนี้ไม่มี speed limit นะคะ ได้ยินไม่ผิดแล้ว!! คุณสามารถขับเร็วเท่าไหร่ก็ได้ตราบเท่าที่คุณยังรู้สึกปลอดภัย (เว้นแต่บางช่วงที่มีการซ่อมแซมถนน ก็ต้องยืดตามป้ายควบคุม) แต่ตามที่เค้าแนะนำ ความเร็วมาตรฐานควรจะขับอยู่ที่ 130กม/ชม ห๊ะ ไรนะ!! ถูกต้องอ่านไม่ผิด เค้าแนะนำแบบนั้นจริงๆค่ะ อุ! บางคันวิ่งเร็วเกิน 200กม/ชม ก็มี รถวิ่งช้าดูจะเป็นอันตรายสำหรับถนนเส้นนี้ไปเลย ถึงจะขับเร็วได้ไม่จำกัด แต่กฏจราจรและการขับขี่ก็ต้องศึกษาอย่างเคร่งครัดนะคะ ตัวอย่างเช่น Lane ขวาสุดไว้สำหรับแซงเท่านั้น จะมาแซงแล้วขับแช่ค้างไว้แบบประเทศเราไม่ได้ โดน ticket ทีปรับโหดเลยนะ .. Route นี้มีจุดพักเป็นระยะที่ถี่พอสมควร ทำให้การไปกับครอบครัวที่มีทั้งผู้ใหญ่สูงอายุหรือถึงเด็กเล็กก็เป็นไปได้อย่างง่ายดาย ไม่ลำบาก ยิ่งถ้าใครชอบบรรยากาศธรรมชาติข้างทางช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสี แนะนำให้ไปช่วงเดือนตุลาคมค่ะ ช่วงนี้อากาศจะเย็นกำลังดีไม่หนาวไป และเวลาขับรถไประหว่างทางต้นไม้ใบหญ้าจะสวยมากๆจริงๆค่ะ อ่าชมภาพระหว่างทางค่ะ Romantic Road นี้เดิมทีเคยเป็นเส้นทางการค้าที่สำคัญในช่วงยุคกลาง และ ได้รับการปรับปรุงใหม่โดยยังคงความมีเสน่ห์ของโลกเก่าไว้แบบเดิม มารวมสรุปกันให้ฟังดีกว่าว่าระหว่างเส้นทางนี้ทั้งหมดเราจะเจออะไรกันบ้าง อ่ะเริ่ม.. ร้านอาหารน่ารักๆโรแมนติกๆและร้านคาเฟ่แบบโบราณในเมืองแต่ละเมือง, เดินเล่นในสวนสาธารณะที่เต็มไปด้วยใบไม้ใบหญ้าและดอกไม้สวยๆ, ปราสาทเก่าแก่สมัยยุคกลางและโบสถ์มากมาย อันนี้บอกเลย มากมายจริงๆ มากจนจำไม่ได้ว่าโบสถ์ไหนเป็นโบสถ์ไหน มีเกิน 10 ได้อ่ะ, เดินเล่นในเมืองเก่า, ขับรถชมวิวชนบทไปตามไร่องุ่น ระหว่างทางมีเขาสูงๆสวยๆ เป็น Background, ไปดูสัตว์น่ารักๆใน Tiergarten Zoo, ไป Musuem หรือเดิน Shopping เที่ยวในเมืองใหญ่อย่าง Frankfurt และ Munich สำหรับค่าใช้จ่ายในการเที่ยวและกินอยู่ของประเทศเยอรมันนั้น ค่อนข้าง surprise ว่าถูกกว่าที่คิดมาก โดยเฉพาะถ้าถูกปากกับอาหารเยอรมันต้นตำรับอย่าง ขาหมู หรือ ไส้กรอกเยอรมันแล้วเนี่ย ค่าอาหารแต่ละมื้อถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ต่ำกว่าการเที่ยวในประเทศยุโรปทั่วไปเยอะเลย ส่วนค่าที่พักก็เช่นเดียวกัน ถือว่าไม่แพงเลย (ยิ่งถ้าไปเทียบกับประเทศแถบสแกน โอว ต่างกันครึ่งๆทีเดียว!) โรงแรมที่แทนเลือกแต่ละที่อยู่ในระดับ 3-3.5 ดาวเท่านั้น แต่ก็ถือว่าสะอาดและโอเคเลยทุกที่เลย รวมๆแล้วค่าโรงแรม + ค่าเช่ารถ + ค่าน้ำมันของทริป 8 คืน 9 วัน หารจำนวนคน 5 คน ตกแล้ว อยู่ที่เฉลี่ยคนละ 16,xxx เท่านั้นเอง ถือว่าถูกโอเคมากเลย!! (ราคานี้ไม่ได้รวมตั๋วเครื่องบิน และ อาหารแต่ละมื้อนะคะ) ทริปนี้จริงๆเริ่มจากเมื่อประมาณกลางปีที่ผ่านมา วางแผนกับครอบครัวว่าอยากจะจัด Road Trip สักเส้นทางนึงในยุโรป เพื่อถือโอกาสไปเที่ยวและไปเยี่ยมพี่สาวกับหลานที่อยู่ที่สวีเดน โดยแพลนว่าจะนัดให้พี่และหลานมาเจอตรงกลางที่ไหนสักที่แล้วเที่ยวด้วยกันซักอาทิตย์ก่อนจะไปเที่ยวบ้านพี่ที่สวีเดน เริ่มต้นก็เลือกๆ หาอ่านอยู่หลายเส้นทาง ไม่ว่าจะอิตาลี ฝรั่งเศส นอร์เวย์ จนสุดท้ายดูแล้วเหมาะสมที่สุดก็จบลงที่เส้นทาง Romantic Road ที่ Germany เนื่องจากดูสบาย เส้นทางสั้น ขับรถไม่เหนื่อย และดูเป็นเส้นทางที่มีอะไรน่าสนใจตลอดทางไม่น่าเบื่อ พอสรุปได้ที่หมายแล้วก็เริ่มศึกษาเส้นทาง ก็ได้บทสรุปดังนี้
พอสรุปเส้นทางเรียบร้อย เราก็เริ่มจองที่พัก จองรถ เพื่อเตรียมไปขอวีซ่าเลยค่ะ ก่อนจองก็หาข้อมูลอ่านดูคร่าวๆว่าเมืองไหนมีอะไรบ้าง ควรใช้เวลาในแต่ละจุดมากน้อยอย่างไร และควรพักที่ไหนกี่คืนบ้าง สรุปได้ว่า 8 คืนน่าจะกำลังดีสำหรับการเที่ยวระดับความชิลที่เหมาะกับครอบครัวเรา เส้นทางของแทนเริ่มจากใต้ขึ้นเหนือ ซึ่งจะย้อนกับชาวบ้านที่แทนอ่านๆ (ที่เลือกแบบนี้เพราะตั๋ว BKK ไปลงมิวนิคถูกกว่าไปลงที่ Frankfurt) เว็บของเยอรมันทั่วไปเค้าก็จะแนะนำให้เริ่มจากเหนือลงใต้ แทนว่าเพราะจุดสุดท้ายบริเวณใต้สุดมันคือจุดเที่ยวชมประสาท Neuschwanstein มันเลยคงดูเป็น highlight จุดจบ อารมณ์จบแบบ Finale (มั้ง คิดเอง555) เนื่องจากเราจะเริ่มต้นเส้นทางของเราจากที่ Munich ซึ่งเป็นจุดที่ค่อนไปทางด้านล่างของเส้นทาง การจะขับรถไปเมือง Füssen หรือเมือง Schwangau เพื่อเที่ยวชมปราสาท Neuschwanstein ที่อยู่ใต้สุดของเส้นทางนั้น จะใช้เวลาแค่สองสามชมเอง ก็เลยตัดสินใจว่าแทนที่เราจะไปหาที่พักที่เมือง Füssen เพื่อพักคืนเดียวแล้วก็ต้องย้ายโรงแรมอีก มันจะเหนื่อยไป เอาเป็น 4 คืนแรกพักที่ Munich ไปเลยดีกว่า ไปถึงก็เที่ยว Munich ซักสองวัน วันที่สามค่อยขับลงไปปราสาท หลังจากเที่ยวชมปราสาทเสร็จก็กลับมานอนที่ Munich อีก 1 คืนก่อนเดินทางขึ้นทิศเหนือไปตามเส้นทางต่อ พักที่เดียวแบบนี้ดีค่ะ ไม่ต้องย้ายของบ่อยให้เหนื่อยเปล่าๆ คนเยอะกระเป๋าจะเยอะตามแบกกันวุ่นวายเลย สำหรับ Route เส้นทางขับรถ และ Itenerary คร่าวๆของแต่ละจุดสถานที่ที่ต้องการแวะ รวมถึงที่พัก ก็สรุปได้ตามด้านล่างแบบนี้นะคะ ที่วงไว้คือเมืองที่จองโรงแรมไว้ค่ะ ใครขี้เกียจคิด ปักหมุดตามจุดต่างๆแล้วขับตามไปเล้ย เท่าที่ขับตามนี้รู้สึกว่ากำลังดีเลยค่ะ ไม่รีบไป ไม่เร่งไป ได้ครบทุกเมือง อ่ะ เอาแผนที่แบบน่ารักๆไปด้วย ^_^ สำหรับการเที่ยวในแต่ละวันขอสรุปเป็นวันๆ บอกสถานที่ที่ไป พร้อมแปะรูปให้พอเห็นภาพนะคะ ขอไม่ลงรายละเอียดเส้นทางรถ หรือข้อมูลรายละเอียดในแต่ละจุดแบบลึกซึ้งเกินไป เท่านี้ก็รู้สึกว่ายาวเหยียดแล้ว 5555 DAY 1 : Oct 26
รถเช่าจองไว้เป็นรถ VW SHARAN 7 PAX จากที่นี่ค่ะ https://www.autoeurope.com/road-trip-planner/germany/romantic-road/ DAY 2 : Oct 27 / Munich Day 1
วันนี่ทั้งวันเป็นการเดินเล่นในเมืองแถวบริเวณ Marienplatz หมดเลยนะคะ โชคไม่ดีวันนี้ฝนตกทั้งวัน ภาพภายนอกโบสถ์ต่างๆเลยไม่ได้ถ่าย เอาภาพด้านในแทนละกันนะคะ DAY 3 : Oct 28 / Munich Day 2
ตามโปรแกรมที่วางไว้แต่แรก วันนี้มีแพลนว่าจะไปเที่ยวพระราชวัง Nymphenburg Palace ตอนเช้า และค่อยไปพิพิธภัณฑ์ Deutsches ช่วงบ่าย ปรากฏว่าตื่นมา อ่าว... ฝนตกหนักดูไม่มีทีท่าว่าจะหยุด ก็เลยสลับ Museum ขึ้นมาไว้ตอนเช้ากะจะดูทิศทางฝนกันอีกที ย้าย Palace ไปเป็นตอนบ่ายก็น่าจะยังโอ พอไปถึงพิพิธภัณฑ์ Deutsches ก็ประมาณ 11 โมงกว่าแล้ว พบว่าเฮ้ยยย.... อะไรกันนี่ พิพิธภัณฑ์นี้ใหญ่มากกก! สุดท้ายจบที่ว่าอยู่ Museuem ทั้งวันจนปิดเลยทีเดียว 555 พิพิธภัณฑ์ Deutsches ( พิพิธภัณฑ์เยอรมัน) เป็นพิพิธภัณฑ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ที่มีประมาณ 28,000 วัตถุจัดแสดงจาก สาขาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 50 สาขา มีผู้เข้าชมประมาณ 1.5 ล้านคนต่อปี เป็นพิพิธภัณฑ์ที่ใหญ่ที่สุดในมิวนิค เป็น Musuem ที่เดินชมแล้วเพลินมาก มีการจัดแสดงสาขาต่างๆเยอะมาก ไม่ว่าจะเป็น การบินและอวกาศ, วิทยุสมัครเล่น, ดาราศาสตร์, เคมี, คอมพิวเตอร์, การถ่ายภาพดิจิตอล, พลังงานไฟฟ้า, เทคโนโลยีพลังงาน สิ่งแวดล้อม, ส่วนประกอบเครื่องมือเครื่องจักรต่างๆ, การเดินเรือทางทะเล, ฟิสิกส์,โทรคมนาคม และอื่นๆอีกมากมาย! เอาเป็นว่า... แนะนำเลยค่ะโดยเฉพาะถ้าชอบแนววิทยาศาสตร์หรืออยากให้ลูกหลานเข้าใจหลักการทางวิทย์ หรือกฎฟิสิกส์ที่ซับซ้อนทั้งหลาย เค้าจะมีการจัดแสดงวัตถุต่างๆเพื่อให้เข้าใจทฤษฏีเหล่านี้ได้ง่ายขึ้น
วันนี้จริงๆปักหมุดตั้งใจไปทั้งปราสาท Neushwanstein และขับลงไปทางตอนใต้ถึงเมือง Garmisch แต่ก็ เอาอีกแร้วว.. อากาศไม่เป็นใจ ฝนตกอย่างหนัก วันนี้พวกเรามัวแต่โอ้เอ้ออกจามิวนิคก็ช้าแล้ว ยังขับรถได้ speed ต่ำสุดๆ เพราะหมอกลงทึบมาก กว่าจะขับถึงปราสาทก็เกือบบ่ายโมงแล้ว สรุปวันนี้เลยขับไปเก็บได้แค่ปราสาทอย่างเดียว โชคดีตอนไปถึงมีแดดออกแว๊บนึง แว๊บจริงๆอ่ะ น่าจะแค่ 5 นาทีเองมั้ง รีบตะกุยหยิบโดรนออกมาทันที สวยแค่ไหน..ไม่พูดมาก ชมเอาค่ะ เด็กดิสนีย์อย่างเรา ใส่เพลงเข้าไปให้ได้อรรถรส DAY 5 : Oct 30 / Landsberg am Lech, Augsburg
หลังจากพักที่ Munich มาเป็นเวลา 4 คืน วันนี้เป็นวันแรกที่จะเดินทางขึ้นไปทางทิศเหนือตามเส้นทาง Romantic และเปลี่ยนโรงแรมสักที จากที่ติดค้างเมื่อวานนี้ เช้านี้ตื่นมาเราไม่ทำให้เสียเวลา เราก็มุ่งหน้าไป Nymphenburg palace ก่อนที่จะเดินทางออกจาก Munich เลย พระราชวัง Nymphenburg palace (นึมเฟินบวร์ค) เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของมิวนิค ประสาทเป็น Style baroque มีความกว้างโดยรวมประมาณ 700 เมตร ล้อมรอบด้วยสวนสาธารณะขนาด 490 เอเคอร์ และมีสวน Botanical Garden มหึมายิ่งใหญ่มาก เนื่องจากมีเวลาน้อยต้องไปต่อ ทางเราจึงได้แต่ไปเหยียบเท้าและถ่ายรูปเป็ดบริเวณด้านนอกไม่ได้เข้าชมส่วนต่างๆด้านในของปราสาทเล้ย T_T ไปต่อค่ะ จุดหมายของเราต่อไปคือเมือง Landsberg am Lech เมืองน่ารักที่อยู่ระหว่าง Munich และ Augsburg ภายใต้ถนนที่ปูด้วยหินและแถวอาคารสีพาสเทลที่ดูน่ารักมากนี้ แท้จริงแล้วเมือง Landsberg am Lech เป็นเมืองในประวัติศาสตร์ที่ Adolf Hitler เคยถูกคุมขังที่คุกในปี 1924 ในระหว่างจำคุกนี้ฮิตเลอร์เขียนหนังสือของเขา Mein Kampf (ไมน์คัมพฟ์) ภายในห้องขังหมายเลข 7 ซึ่งกลายเป็นส่วนหนึ่งของลัทธินาซีและผู้ติดตามหลายคนที่มาเยี่ยมในช่วงยุคนาซี และในเขตชานเมืองของเมืองนี้ มีค่ายกักกันที่ใหญ่ที่สุดของเยอรมันในช่วงการปกครองของนาซี ที่ซึ่งมีเหยื่อกว่า 30,000 คนถูกจำคุกภายใต้สภาพไร้มนุษยธรรมส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 14,500 คน โอ๊ะโอ... แต่ดูซีตอนนี้อ่อนหวานน่ารักแค่ไหน ^_^ หลังจากกินข้าวเที่ยงและใช้เวลาเดินเล่นในเมือง Landsberg am Lech อยู่ประมาณ 2-3 ชม เราก็มุ่งหน้าไปต่อที่เพื่อ check in รร ที่เมือง Augsburg ซึ่งถือเป็นเขตเมืองมหาวิทยาลัย เป็นเมืองใหญ่และเก่าแก่ที่สุด เราเดินเล่นในเมืองช่วงเย็นกันจนขาจะแตก มีร้านให้ shopping และร้านอาหารเยอะแยะเต็มไปหมด แต่จิบอกว่า ส่วนนี้ต้องขออภัยไม่มีรูปเลย แบตกล้องหมดเกลี้ยงค่ะ ลืม charge แหะ DAY 6 : Oct 31 / Donauworth, Harburg Castle, Nördlingen
เดินทางออกจากเมือง Augsburg แต่เช้า ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงเราก็มาถึงเมือง Danauworth เมืองเล็กๆ ที่เราแวะกินข้าวเช้า, จิบกาแฟ และเดินเล่นบนถนนสายหลักเล็กๆ เดินไปจุดสุดทางถนนมีโบสถ์หลังเล็กๆตั้งอยู่ แวะชมด้านใน 10 นาทีเราก็พร้อมออกเดินทางต่อไปยังเมืองถัดไป ถัดมาจากเมือง Donauwörth เพียงครึ่งชม. เราก็มาถึงเมือง Nördlingen เราแวะทานข้าวกลางวันที่นี่ เป็นอีกหนึ่งเมืองเล็กที่เราใช้เวลาเดินเล่นเพียงแค่ชั่วโมงครึ่งก็ครบจนทั่ว เรารีบไปต่อเนื่องจากวันนี้โปรแกรมแอบแน่นนิดนึง เหลืออีกเมืองนึงช่วงบ่าย และต้อง Check in อีกเมือง เท่ากับวันนี้เราเก็บได้ถึง 4 เมือง ขับต่อไปอีกครึ่งชม. เราก็มาถึงเมือง Dinkelsbühl จริงๆก็แอบทำการบ้าน อ่านๆมาคร่าวๆว่าเมืองนี้เค้าพยายามอนุรักษ์อาคารบ้านเมืองให้เป็นแบบยุคกลางไว้ (best preserved medieval towns) พอมาถึง ตั่ยล้าว! น่ารักกว่าที่คิดไว้มาก อาคารแต่ละหลังที่ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ศตวรรษที่ 14 นี้ เค้าตั้งใจทาสีให้สดใสไม่ซ้ำกัน มันตัดกันอย่างลงตัวจีๆ หลังจากใช้เวลาเดินเตร็ดเตร่ประมาณ 2-3 ชมที่เมือง Dinkelsbühl เราก็มุ่งหน้าต่อไปที่เมือง Rothenburg ob der Tauber ไม่ถึง 40 นาที เราก็ถึงรร. หลังทำการเช็คอิน ก็ทานอาหารค่ำในเมือง จบวัน DAY 7 : Nov 1 / Rothenburg ob der Tauber, Nuremberg
เมื่อวานระหว่างกินข้าวเย็น แม่บอกว่า เอ..จำได้ว่าเคยมาแถวนี้แล้วนะ น่าจะใกล้เมือง Nuremberg จำได้ว่าสวย อยากจะลองแวะไปกันมั๊ย ก็เลยลอง search ดูว่ามีอะไรบ้าง พอดูสถานที่ท่องเที่ยวอันดับต้นๆก็เห็นว่ามีสวนสัตว์ใหญ่อยู่ หลานฉันได้ยินแค่คำว่า Zoo ก็ตาโต ร้องเยสๆ We're all going to the zoo tomorrow! โอเค... ตามหลานรักว่า 555 เช้านี้เราจึงขับรถมุ่งหน้าไป Nuremberg Zoo (Tiergarten Nürnberg) ใช้เวลาประมาณ 1 ชม.ในการเดินทาง สวนสัตว์ Tiergarten นี้ ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของ Nuremberg (นูเรมเบิร์ก) มีเนื้อที่ 170 เอเคอร์ เป็นหนึ่งในสวนสัตว์ยุโรปที่ใหญ่ที่สุด มีสัตว์ประมาณ 300 สายพันธุ์ ... หลานเอนจอย เลาก็เอนจอย :)
DAY 8 : Nov 2 / Bad Mergentheim, Tauberbischofsheim, Würzburg
หลังจาก Check out รร ที่ Rothenburg ob der tauber เราเริ่มออกเดินทางมุ่งหน้าไปยังเมือง Bad Mergentheim โดยใช้เวลาขับรถประมาณ 45 นาที มาถึงก็ประมาณ 10 โมงกว่าๆ ได้เวลากาแฟและขนมปังตอนเช้าพอดี เมืองนี้เป็นอีกเมืองเล็กที่น่ารักทีเดียว จุดเดินเล่น Marktplatz มีตลาดแผงลอยขายของที่ค่อยๆทยอยเปิดร้าน มีทั้งเบเกอรี่ ผักผลไม้ บรรยากาศดีน่าเดินมาก เราใช้เวลาจิบกาแฟกับครัวซองข้างทาง เดินเล่นตรงน้ำพุหลักของเมือง และแวะเข้าไปดูโบสถ์กลางเมืองอยู่ประมาณชม.เดียวก็พร้อมเดินทางต่อ ประมาณครึ่งชม.ต่อมา เราก็มาถึงเมือง Rathaus Tauberbischofsheim อีกหนึ่งเมืองเล็กที่มีถนนเดินเล่นสั้นๆแค่ 500 เมตร เราแวะเดินเล่นพร้อมกินแซนวิชเป็นมื้อบ่ายก่อนเดินทางต่อไป Würzburg อีก 45 นาทีต่อมา เราขับรถมาถึงเมือง Würzburg เวลาตอนนั้นก็ประมาณ 4 โมงเย็นพระอาทิตย์กำลังทำท่าจะตก สวยกำลังดี เรายังไม่ตรงเข้าโรงแรมแต่มุ่งหน้าเข้าไปเดินเล่นในเมืองก่อน เมือง Würzburg นี้เป็นเมืองใหญ่ที่คึกคักน่าดูนะเนี่ย ตามถนนมีนักดนตรีออกมาเล่นดนตรีและโชว์ฝีมือผลงาน art ต่างๆ สนุกดีอ่ะ เมืองนี้มีร้านให้ shopping เยอะและเพลินดีด้วย ร้านขายแว่นตาที่ประเทศนี้มีแทบจะทุกมุมตึก ราคาดีด้วย แนะนำเลยถ้าเป็นคนใส่แว่นนะ สวย เบา และถูกกว่าที่อื่นมากมาย นี่กลับมาจากทริปได้แว่นตามเมืองต่างๆมาทั้งหมด 4 อันใส่ไปได้อีกหลายปี 555 ใจกลางเมือง Würzburg นี้มีโบสถ์ Cathedral ใหญ่โตสวยงาม และถัดออกมาไม่ไกลนักก็มี Marktplatz เป็นลานพื้นที่กว้างที่มีร้านขายของ Christmas น่ารักอีกแล้ว DAY 9 : Nov 3 / Frankfurt
แระแร้ววันสุดท้ายของทริปก็มาถึง T_T วันนี้เรา Check out สายนิดนึง และใช้เวลาประมาณ 1 ชม 45 นาที จากเมือง Würzburg ขับมุ่งหน้าไปยัง Frankfurt มาถึงที่นี่ก็เป็นเวลาเกือบๆเที่ยง เรามีเวลาเพียงครึ่งวันที่ Frankfurt เท่านั้นก็ต้องขึ้นเครื่องกลับตอนเย็นแล้ว เมือง Frankfurt จริงๆไม่ใช่เมืองท่องเที่ยวแต่เป็นเมืองแห่งการเงิน เมืองแห่งธนาคารของยุโรป เสาหลักของ EU อยู่ที่เมืองนี้ เป็นเมืองที่มีสนามบินยักษ์ใหญ่ที่จัดเป็นศูนย์กลางการกระจายนักเดินทางเพื่อเปลี่ยนเส้นทางไปสู่เมืองอื่นๆในยุโรป เมืองนี้ถูกแบ่งเป็นเขตเมืองเก่า และเขตเมืองใหม่อย่างชัดเจน เขตเมืองเก่า (Altstadt) ของเมืองมีขนาดเล็ก ถูกห้อมล้อมด้วยสถาปัตยกรรมเก่าๆ สถานที่เที่ยวหลักอยู่ที่จตุรัสเรอเมอร์ (Römer) แต่เนื่องจากเรามีเวลาเหลือเพียงครึ่งวัน และเราก็ได้เก็บความเมืองเก่าของประเทศนี้จากเมืองอื่นๆมามากพอแล้ว เราเลยได้แต่ขับรถผ่านๆชมวิวเมืองเก่าจากบนรถ เวลาครึ่งวันที่เหลือเราเลือกไปเดิน Shopping ในเขตเมืองใหม่ดีกว่า ในเขตเมืองใหม่นี้มีถนนช้อปปิ้งเส้นหลักของเมืองชื่อถนน Zeil ซึ่งตรงกลางเป็นทางเท้าให้คนเดินช้อปปิ้งได้สะดวกสบาย ถนนสายนี้มีทั้ง Shopping Malls และร้าน standalone มากมาย แบรนด์สัญชาติเยอรมันอย่าง Adidas กับ Puma ก็อย่าลืมแวะเข้าไปดูกัน อ่ออ.. อีกยี่ห้อที่ไม่ควรพลาดก็คือ Rimowa กระเป๋าเดินทางเยอรมันยอดนิยม ที่นี่ไม่ว่าจะเมืองไหน ส่องดูๆราคาถูกกว่าเมืองไทย 30-40% เลยทีเดียว ยิ่งถ้ามีลดราคาเพิ่มจะเป็นโชคมาก ^_^ แยกย้ายเดินเล่นอยู่ใน shopping area ส่วนนี้เป็นเวลาเกือบ 4 ชม. ก็ได้เวลาออกเดินทางไปสนามบินกลับบ้านแล้ว จากที่นี่ไปสนามบินไม่ไกลนัก ไม่ถึงครึ่งชมก็ถึง เราก็เผื่อเวลาอีกนิดหน่อยสำหรับการคืนรถเช่า ... จบแร้วว 9 วันสำหรับการเที่ยวใน Germany เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ถือเป็นอีกทริปที่ชิลและประทับใจมาก โดยรวมชอบทริปอะไรประมาณนี้มาก ไม่ธรรมชาติเกินไป ไม่ยุโร๊ปยุโรปเอาแต่เมืองเก่ามากไป แต่ก็ไม่เมืองใหม่ shopping จัดๆทุกวัน มันเหมือนคละๆกันไป พอเริ่มเบื่อธรรมชาติ ก็มีเมืองๆเข้ามาเบรค ทำให้ทุกวันรู้สึกตื่นเต้นดี .. ก็ยังไงถ้าใครยังไม่มีแพลนสำหรับวันหยุดยาว ก็แนะนำนะคะ จบละค่ะสำหรับทริปนี้ ขอบคุณครอบครัวที่น่ารักที่ทำให้ทริปเกิดขึ้น และร่วมทริปอย่างมีความสุขและอบอุ่น ขอบคุณผู้อ่านที่ติดตามอ่านมาตั้งแต่ต้นจนจบ ผิดพลาดตกหล่นสะกดผิดตรงไหน ขออภัยไว้ล่วงหน้า พยายามที่สุดแต่พาสาไม่แข็งแรงเลยข่ะ 555 ... เจอกันใหม่ทริปหน้า บัยๆ |
ArchivesCategoriesสงวนลิขสิทธิ์ ไม่อนุญาตให้นำรูปภาพหรือตัดข้อความส่วนหนึ่งส่วนใดๆไปใช้ก่อนได้รับอนุญาต หากเพื่อนๆคิดว่าเนื้อหานี้มีประโยชน์และอยากแชร๋ต่อ สามารถส่งต่อ Link URL นี้ได้ค่ะ
|