ผ่านมาก็หลายเดือนแล้ว ตั้งใจว่าจะแชร์รายละเอียดทริปไอซ์แลนด์นี้ตั้งแต่กลับมาแรกๆ เพิ่งจะมาได้ฤกษ์ก็วันนี้เอง นั่งทบทวนย้อนความจำกันพอสมควรเลย สะกดผิดหรือขาดตกบกพร่องตรงไหน ขออภัยล่วงหน้าด้วยนะคะ :) เชื่อว่าถ้าใครได้เคยเห็นรูปสวยๆจากธรรมชาติ วิวทิวทัศน์ น้ำตก หน้าผา ภูเขา พร้อมกับแสงเหนือที่ปรากฏบนท้องฟ้าของประเทศไอซ์แลนด์แล้ว หลายๆคนคงอยากจะไปสัมผัสด้วยตาของตัวเองสักครั้งในชีวิตแน่นอน ด้วยความยิ่งใหญ่อลังการงานสร้างของสถานที่แต่ละแห่ง ไม่ว่าจะเป็นน้ำตก ภูเขา และธารน้ำแข็งที่เกิดจากปรากฏการณ์ธรรมชาติอันงดงามนี้ ทำให้ไอซ์แลนด์กลายเป็นดินแดนมหัศจรรย์ ที่หลายคนยกย่องให้เป็นอีกหนึ่งเกาะในฝัน ที่อยากจะมาสัมผัสมากที่สุด ฉันก็เป็นหนึ่งคนนั้นที่โชคดีหาโอกาสเหมาะได้ไปกับเค้าซักที ^_^ การเริ่มต้นวางแผนสำหรับ Road Trip รอบเกาะไอซ์แลนด์ครั้งนี้ ถือเป็นทริปที่ใช้เวลาเตรียมการล่วงหน้าค่อนข้างนานทีเดียว เนื่องจากเป็นทริปที่จัดเอง ขับเอง เที่ยวเอง เลยต้องสำรวจเส้นทาง สถานที่สำคัญต่างๆ ร้านอาหาร รวมถึงการจองรถ และที่พักแต่ละคืนอีกด้วย เตรียมแผนล่วงหน้าอยู่หลายเดือนทีเดียว โดยสมาชิกก็จะมีแค่ 3 คน แทน และพ่อแม่ค่ะ บอกก่อนนะคะ Trip นี้ไม่ได้เป็น Trip ตามล่าแสงเหนือนะคะ เนื่องจากแทนไปช่วงปลายเดือนก.ค. - ต้นเดือนส.ค. (2017) ซึ่งถือเป็นช่วงหน้าร้อนของประเทศ และไม่ได้เป็นช่วงฤดูที่จะได้เห็นแสงเหนือเต้นระบำอยู่บนท้องฟ้าเลยค่ะ เอาล่ะไม่พูดยืดเยื้อแล้ว เรามาเริ่มต้นเล่าเรื่องทริปเลยดีกว่า (สำหรับข้อมูลการเตรียมตัวก่อนเดินทางและรายละเอียดเกี่ยวกับ Iceland แทนรวมเอาไว้อยู่ท้ายหน้าสำหรับคนที่สนใจอ่านเพิ่มเติมนะคะ) สำหรับการขับรถ ขอเริ่มทำการ Overview Route เดินทางด้วยแผนที่นี้ค่ะ ถนนที่เราจะขับคือเส้นหลักรอบเกาะหรือที่เรียกว่า The Ring Road มีระยะทางรวมทั้งหมดประมาณ 1,350 กม. ถ้ารวมการขับเข้าออกถนนเล็กถนนน้อยในแต่ละวัน และการย้อนกลับไปมา (ในวันที่โรงแรมบางวันต้องย้อนกลับไปพัก) รวมๆออกมาแล้วการขับ 10 วันก็จะประมาณ 2 พัน กม. ได้ค่ะ ลักษณะการขับรถก็ง่ายๆเลยค่ะ ปักหมุดโรงแรมและสถานที่ต่างๆใน google map ไว้ให้พร้อม ตื่นมาในแต่ละวันก็แค่ขับไปตามเส้นทางที่ปักหมุดไว้จนครบ วันไหนที่ดูล่วงหน้าว่าต้องขับไกลหรือมีที่ต้องหยุดเยอะ ก็ไม่โอ้เอ้นัก วันไหนชิลได้ ก็ตื่นสายได้นิดหน่อย ส่วนที่พักทั้งหมด 9 คืน แทนจองผ่าน Hotels.com หมดเลย โดยรวมคือสะอาดน่าอยู่ จะมีบางคืนที่ก็จะรู้สึกบรรยากาศดีและสวยเป็นพิเศษ แต่โดยทั่วไป อยู่ได้สบายๆทุกคืนเลยค่ะ โรงแรมที่นี่ส่วนใหญ่เวลาเช็คอินคือหลังบ่ายสามโมง และ เวลาเช็คเอาท์คือก่อน 10 โมงเช้านะคะ ซึ่งก็ไม่ได้เป็นปัญหาอะไรอยู่แล้ว เนื่องจากเราจำเป็นต้องออกแต่เช้าและกลับเย็นทุกวันอยู่แล้ว ที่พักในแต่ละคืนก็จะมีหลายประเภท บางที่เป็นโรงแรม บางที่จะเป็นลักษณะอพาร์ตเม้นต์ ซึ่งในบางที่จะไม่มีพนักงานต้อนรับ ต้อง Self-Checkin เอาเอง อันนี้เข้าใจได้ว่า เนื่องจากประเทศนี้ค่าครองชีพแพงมาก ก็คงจะไม่คุ้มหากโรงแรมต่างๆต้องมาจ้างพนักงานต้อนรับคอยเฝ้ารอแขกที่นานๆทีจะโผล่มาสักที แต่การ Self-Checkin ก็ไม่ได้ยุ่งยากอะไรนะคะ โรงแรมหรือที่พักจะทำการส่งอีเมลคู่มือการเข้าพักล่วงหน้ามาให้ก่อน บางที่ก็จะบอกโค้ดการเข้าประตูหน้า บางที่ก็จะบอกที่ซ่อนของกุญแจห้องมาให้ ก็เป็นอะไรที่สนุกไปอีกแบบค่ะ List ชื่อโรงแรมทั้งหมดที่แทนพัก แทนรวบรวมมาให้พร้อมลิ้งค์ทั้งหมดด้านล่างนี้นะคะ ใครอยากก๊อป ก๊อปได้เลยค่ะ (กดดูรูปที่พักแต่ละที่ได้จาก Link เลยค่ะ)
สำหรับเพื่อนๆที่มีแพลนว่าจะไป Iceland ถัดลงไปนี้จะเป็นรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับประเทศ และข้อมูลการเตรียมตัวก่อนเดินทางนะคะ ลักษณะภูมิประเทศ สาธารณรัฐไอซ์แลนด์ เป็นประเทศนอร์ดิกในยุโรปเหนือ มีภูมิประเทศเป็นเกาะ และจัดเป็นเกาะที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของยุโรปรองจาก Great Britain โดยมีขนาดกว่า 103,000 ตารางกิโลเมตร และมีภูเขาไฟประมาณ 200 ลูกที่มีขนาดแตกต่างกัน เกาะIcelandตั้งอยู่ในมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือ ระหว่างกรีนแลนด์ นอร์เวย์ และสหราชอาณาจักร โดยมีเมืองหลวงคือเรคยาวิก (Reykjavik) สนามบินหลักของประเทศชื่อว่าสนามบินนานาชาติเคฟลาวิก (Keflavík International Airport) ใกล้กับเมืองเคฟลาวิก Iceland มีธารน้ำแข็งยึดครองพื้นที่กว่า 11.900 กิโลเมตร ส่วนใหญ่ของ Iceland เป็นที่สูง มากกว่าหนึ่งในสามของประเทศ และสูงจากระดับน้ำทะเลมากกว่า 600 เมตร ไม่เพียงแต่แสงเหนือที่เป็นจุดเด่นของประเทศเท่านั้น ไอซ์แลนด์ ยังมีความงามที่เกิดจากปรากฎการณ์ของการเปลี่ยนแปลงทางธรรมชาติอีกมากมาย ที่ทำให้ประเทศนี้สวยราวกับเป็นดินแดนในฝัน สถานที่เหล่านี้ได้แก่ Geyser (น้ำพุร้อน), Lagoon, (ทะเลสาบน้ำตื้น), Volcanic national park, Waterfall (น้ำตก), Canyon (เทือกเขา), Cliff (หน้าผา), Glacier (ธารน้ำแข็ง) ไอซ์แลนด์มีประชากรกว่า 4.2 ล้านคน นับว่ามีประชากรเบาบางถ้าเทียบกับขนาดประเทศ แต่จัดว่าเป็นประเทศที่มีการพัฒนาสูงที่สุดในโลกก็ว่าได้ สภาพภูมิอากาศ Iceland มีภูมิอากาศแบบภาคพื้นสมุทรกึ่งอาร์กติก อุณหภูมิเฉลี่ยทั้งปีประมาณนี้เลยค่ะ ถ้าถามว่าเที่ยวไอซ์แลนด์ควรไปช่วงไหนของปีดี ตอบได้เลยค่ะไปได้ทั้งปี ซึ่งบรรยากาศที่ได้ก็จะแตกต่างกันไปในแต่ละฤดู ขึ้นอยู่กับว่าชอบแบบไหน ถ้าอยากไปแบบที่เห็นหิมะขาวปกคลุมทั่วประเทศ หรืออยากไปดูแสงเหนือชัดๆ ก็ให้เลือกไปช่วงหน้าหนาว (ธค-มีค) แม้ว่าสถานที่ท่องเที่ยวหรือน้ำตกหลายแห่งอาจจะมีปิดไปบ้างเนื่องจากหิมะปกคลุมเยอะ ถนนบางเส้นไม่สามารถให้นักท่องเที่ยวขับเข้าไปถึงได้ แต่ก็จะแลกกันกับ Ice cave, Ski Resort และ glacier ต่างๆหลายจุดที่เปิดให้บริการได้เฉพาะช่วงฤดูหนาวเท่านั้น แต่ถ้าหากอยากเห็นสีสันของใบไม้ต้นหญ้าสีเขียว และสัมผัสความอบอุ่นในช่วงกลางวัน และอยากเห็นนกพัฟฟินก็แนะนำให้มาช่วงหน้าร้อนเลยค่ะ (มิย-กย) ช่วง 4 เดือนนี้ถือเป็นช่วง Peak Season ของ Iceland เลยก็ว่าได้ นักท่องเที่ยวจะล้นหลามและที่พักจะค่อนข้างแพงมาก แต่ข้อได้เปรียบของการไปช่วงหน้าร้อนคือมีช่วงเวลากลางวันที่เยอะกว่า ทำให้สามารถเที่ยวได้เยอะขึ้นในแต่ละวัน เนื่องจากพระอาทิตย์ตกหลัง 3 ทุ่มแหน่ะ ในขณะที่หน้าหนาวมีช่วงเวลาที่เห็นแสงแดดเพียงแค่ 5 ชม. เท่านั้น (เช็ค Daylight hours ได้ ที่นี่ นะคะ) ประเทศไอซ์แลนด์มีลมแรงมากนะคะ หิมะและฝนไม่ได้ตกจากข้างบนแต่เป็นลมที่พัดมาตก บางทีเวลาที่ฝนตกก็เลยจะรู้สึกเหมือนฝนปลิวลอยขึ้นมาจากพื้น และลมที่พัดมาแรงๆนั้นยังเพิ่มความรู้สึกเย็นอีกด้วย บางทีอุณหภูมิ 5-10 องศาฯ แต่อาจรู้สึกหนาวได้เหมือนศูนย์องศาเลยทีเดียว สภาพภูมิอากาศไอซ์แลนด์มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ไม่แปลกเลยที่เพื่อนๆจะสามารถเจอฝน พายุลมแรง แล้วจู่ๆก็แดดออกได้ภายในเช้าวันเดียวกัน ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติมากๆ โซนเวลาของไอซ์แลนด์ เวลาที่ประเทศไอซ์แลนด์จะช้ากว่าเวลาในประเทศไทย 7 ชั่วโมงค่ะ ค่าเงินที่ใช้ในไอซ์แลนด์ ใช้สกุลเงินโครนไอซ์แลนด์ (Icelandic Krona - ISK) ซึ่ง 1 โครนไอซ์แลนด์ ประมาณ 0.30 บาท เช็ค Rate ปัจจุบันได้ ที่นี่ ค่ะ ส่วนใหญ่คนในประเทศจะใช้เครดิตการ์ดมากกว่าการใช้เงินสด ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ถ้าจะซื้อของราคาไม่กี่บาท เช่นขนมซักถุง แล้วจ่ายด้วยเครดิตการ์ดนะคะ หากใครมีบัตรเครดิตของธนาคารกสิกร (K Wisdom) แนะนำให้เตรียมไป เพราะเป็นบัตรเดียวของไทยตอนนี้ที่มาพร้อม PIN 4 หลัก สำหรับใช้ในต่างประเทศ จะจำเป็นเวลาเติมน้ำมัน หรือใช้บริการ Self-service ที่ต้องกด 4-digits pin ด้วยตัวเองค่ะ อย่าลืมติดต่อธนาคารเพื่อรับ Pin ก่อนเดินทางนะคะ ระบบไฟฟ้าในประเทศไอซ์แลนด์ การใช้กระแสไฟฟ้าในประเทศไอซ์แลนด์คือ 230 โวลต์เหมือนบ้านเรา โดยที่นี่จะใช้ปลั๊กไฟ TYPE F แบบสองขากลมเช่นเดียวกับที่อื่นๆในยุโรป ถ้าอุปกรณ์เสียบไฟเป็นปลั๊กแบบแบนอย่าลืมเตรียม adapter เปลี่ยนหัวไปด้วยนะคะ ปล. เบ้าปลั๊กลักษณะแบบนี้เวลาดึงปลั๊กออกอย่าลืมเช็คว่าหัวปลั๊กยังติดอยู่ในเบ้าที่กำแพงหรือเปล่านะคะ แทนลืมไป 1 หัว คุณพ่อก็ลืมไป 1 หัว คุณแม่ปวดหัวค่ะ (-_-") การใช้โทรศัพท์และอินเทอร์เน็ต ประเทศไอซ์แลนด์ถือได้ว่ามีเครือข่ายโทรศัพท์มือถือที่ใหญ่และครอบคลุมเกือบทั้งเกาะ มีตั้งแต่ 2G 3G และ 4G กระจายไปทั่วประเทศ มั่นใจได้แน่นอนว่าจะไม่มีขาดการติดต่อจากโลกภายนอก แทนแนะนำให้ซื้อเป็น Pre-paid sim สำหรับนักท่องเที่ยว มีขายที่สนามบิน Keflavík ค่ะ บริษัทเจ้าใหญ่ๆมีอยู่ 3 บริษัท คือ Siminn, Vodafone, Nova ถ้าจะซื้อซิมเพื่อใช้อินเทอร์เน็ตอย่างเดียวก็ซื้อแบบ 5 gb ราคา 2,190kr (ประมาณ 630 บ.)ก็พออยู่ แทนไม่ได้ซื้อนะคะ แต่เท่าที่อ่านมาเห็นว่าของ Siminn เป็นที่นิยมสุด ลองเปรียบเทียบราคาได้ตาม link นี้ค่ะ siminn / vodafone / nova เนื่องจากครั้งนี้แทนไปหลายประเทศ นอกจาก Iceland แล้วยังมีแวะไป Copenhagen, Denmark และมี Sweden ด้วย แทนเลยเลือกซื้อ Traveller Sim จากไทยที่เคยใช้ประจำอยู่ของ instasim.com ค่ะ ใช้มาหลายครั้งแล้ว ไม่เคยมีปัญหาเลยใช้ต่อมาเรื่อยๆ ครอบคลุมหลายประเทศ ไม่ต้องคอยเปลี่ยนซิมให้วุ่นวาย ที่แทนใช้คือชื่อแพ็คเกจ "ซิมเดียวเที่ยวสบาย" แบบ 12GB ราคา 1,330 บ. (เค้าเพิ่งขึ้นราคา จำได้ว่าเมื่อก่อนให้ตั้ง 15 GB) แต่ก็โอเคเพราะใช้ทีไรก็ไม่เคยหมดอยู่ละ ขนาดดูเส้นทางแผนที่ทั้งวัน วันสุดท้ายยังเหลือเฟือส่งต่อให้เพื่อนอีกทริปนึงได้เลยค่ะ (ใช้ได้ 30 วันค่ะ) การเดินทางจากประเทศไทยไปไอซ์แลนด์ การเดินทางจากกรุงเทพฯไปไอซ์แลนด์ ไม่มีสายการบินตรง ต้องต่อเครื่องเพื่อไปลงที่เมืองเรคยาวิก (เมืองหลวงของไอซ์แลนด์) ทางเลือกสายการบินจาก กทม ไป เครยาวิก มีดังนี้ค่ะ - Aeroflot (เปลี่ยนเครื่องที่ Moscow) ใครอยากเที่ยวรัสเซียและเวลา Transit นานพอ สามารถออกจากสนามบินไปเที่ยวได้โดยไม่ต้องใช้วีซ่าค่ะ - Emirates (เปลี่ยนเครื่องที่ Dubai) - Finnair (เปลี่ยนเครื่องที่ Helsinki, Finland) - Norwegian Air (สายการบิน Low cost ของนอร์เวย์) - SAS และ Thai Airways (เปลี่ยนเครื่องที่ Copenhagen, Denmark) สิ่งที่ควรเตรียมก่อนการเดินทางไปประเทศไอซ์แลนด์ แม้ไอซ์แลนด์ช่วงฤดูร้อนจะไม่ได้หนาวมากแต่ก็ถือว่าเป็นอากาศที่เย็นในระดับหนึ่งทีเดียว และเนื่องจากอากาศมีการเปลี่ยนแปลงบ่อยมากในแต่ละช่วงของวัน เสื้อผ้าที่เราเตรียมไปก็ควรจะเผื่อไว้สำหรับการปรับใช้ตามสภาพอากาศหน่อยนะคะ นอกจากเสื้อหนาวที่ควรเตรียมไปเผื่อทั้งหนาและบางแล้ว สิ่งเหล่านี้ก็จำเป็นด้วยค่ะ หมวก + ผ้าพันคอ : จะเป็น Cap หรือ Beanie ธรรมดาไม่ถึงกับต้องไหมพรมก็ได้ ใส่ไว้กันลม แต่อันนี้ก็แล้วแต่ความอยากแฟชั่นนะคะ ผ้าพันคอก็ช่วยเพิ่มความอุ่นได้ดีตอนกลางคืนค่ะ ถุงมือ + ถุงเท้า : ถุงมือแบบกันลมได้ใช้แน่ๆค่ะ เวลาไปยืนถ่ายรูปตามโขดหิน เทือกเขา ริมทะเล โอยย.. มือเย็นมากก จำเป็นกว่าถุงเท้าอีกค่ะ ส่วนถุงเท้าแทนใช้แบบหนาเล่นกีฬาทั่วไป ไม่ได้ถึงกับ Wool รองเท้า สำคัญมาก เลือกคู่ที่ปิดมิดชิด ถ้าได้แบบกันน้ำได้ยิ่งดี อย่าเอาคู่ที่มีรูๆหรืออากาศถ่ายเทได้ดีไป เวลายืนตากลมหรือเจอฝนตก น้ำจะซึมเข้าไปเปียกถุงเท้า จะหนาวเท้ามากค่ะ พยายามเลือกแบบที่มีดอกยางดีๆ เวลาเดินลงตามเนินที่มีกรวดหินเล็กๆ ถ้าไม่มีดอกยางลึกๆ แอบลื่นทีเดียวค่ะ ถ้ามีงบก็ลองดูของ North Face หรือ Columbia แต่ถ้าไม่อยากลงทุน แนะนำให้ไปดูแผนกรองเท้าเดินป่าที่ ดีแคทลอน ค่ะ ถูกมาก คู่ละพันกว่าบาท ใช้มาก็ไม่มีปัญหาอะไรนะคะ เสื้อกันฝน สำคัญแบบขาดไม่ได้เลย พกติดตัวพร้อมใช้ไว้ตลอดเวลาไม่ต้องใส่ไว้ในกระเป๋าใหญ่เลยค่ะ เลือกแบบที่คลุมทั้งแขนทั้งขายาวไปเลยนะคะ ถ้ายาวไม่พอกางเกงมีเปียกแน่ๆ ถ้าจะให้แนะนำ ก็จะเป็นของ IKEA รุ่น Knalla ค่ะ พกง่ายและใช้ดี๊ดี หรือจะเลือกแบบใช้แล้วทิ้งที่ขายตามเซเว่นก็สบายดีค่ะ เลือกแบบหนาหน่อยนะคะ ที่เป็นพลาสติกบางๆขาดง่ายไปหน่อยค่ะ กล้องถ่ายรูป ขาตั้ง และอุปกรณ์ อันนี้แล้วแต่คนนะคะ แต่สำหรับผู้ที่ต้องการได้ภาพสวยงามก็ควรเตรียมไปให้เยอะที่สุดเท่าที่จะเอาไปไหว 555 ยังไงก็มีรถ ไม่ได้ต้องถือตลอดเวลาอยู่แล้ว แบตสำรองและ Charger ที่สำหรับใช้ภายในรถเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยค่ะ |
ArchivesCategoriesสงวนลิขสิทธิ์ ไม่อนุญาตให้นำรูปภาพหรือตัดข้อความส่วนหนึ่งส่วนใดๆไปใช้ก่อนได้รับอนุญาต หากเพื่อนๆคิดว่าเนื้อหานี้มีประโยชน์และอยากแชร๋ต่อ สามารถส่งต่อ Link URL นี้ได้ค่ะ
|