กลับมาซักพัก(ใหญ่ๆ) แล้ว รีบมาตอกบัตรบันทึกข้อมูลก่อนที่จะลืมเลือนเกี่ยวกับทริปเคนย่าที่ผ่านมาดีกว่า ใครยังไม่เคยและมีแพลนอยากเที่ยวซาฟารี มาอ่านเร้ว ทริปเคนยาของแทนครั้งนี้เดินทางทั้งหมด 11 วัน เป็นทริปชมสัตว์ล้วนๆ เตือนก่อนเลย รูปภาพสัตว์ใน Blog นี้เยอะมากจริงๆ พยายามคัดออกให้น้อยที่สุดแล้ว 555 เมื่อพูดถึงทวีปแอฟริกา หนึ่งในประเทศสุดโด่งดังของทวีปคงหนีไม่พ้น "เคนยา" ยิ่งโดยเฉพาะคอนักเที่ยวที่รักการเที่ยวแบบซาฟารี คือนั่งรถชมและถ่ายภาพสัตว์ป่าแบบสัมผัสวิถีชีวิตของธรรมชาติที่แท้จริงในทุ่งสะวันน่ากว้างแล้ว ประเทศนี้คงเป็นหนึ่งในอันดับต้นๆในใจของทุกคนแน่
ครั้งนี้แทนรู้สึกโชคดีกำลัง 2 ตรงที่ได้มีโอกาสเดินทางไปกับคุณพ่อคุณแม่พร้อมกับเพื่อนฝูงแก๊งค์ช่างภาพของเค้า ที่ว่าโชคดี ก็เพราะนอกจากจะสนุกกับการได้เห็นและได้ความรู้เกี่ยวกับพฤติกรรมสัตว์ต่างๆมากมาย ผลพลอยได้จากการที่ทุกคนในกรุ๊ปรวมทั้งไกด์ของเราเป็นนักถ่ายภาพ wildlife นั้น ทำให้การเลือกมุมของการจอดรถในแต่ละจุด เป็นอะไรที่เฉพาะเจาะจงตั้งใจหยุดที่จุดๆนั้นเพื่อให้ได้มุมภาพที่ดีที่สุด ประมาณว่าบอกคนขับรถให้ขยับหน้าขยับหลังทีละฟุตสองฟุตตลอดเวลา เรื่องมากจนคนขับรถเกาหัวแกรกๆ 555 สำหรับทริปนี้ ได้ไกด์โปร อาจารย์ Box ที่คุณพ่อคุณแม่เคยไปร่วมทริปอยู่หลายครั้งเป็นผู้นำทีม ใครสนใจทริปดูสัตว์ต่างๆที่อาจารย์จัด ติดตามได้ที่หน้า FB อาจารย์ ได้ที่นี่ เลยนะคะ ทริปนี้เรามีสมาชิกกันทั้งหมด 9 คน แบ่งรถเป็นสองคัน โดยนั่งแบบหลวมๆหน่อยคันละ 4-5 คน ไม่รวมคนขับ รถที่นั่งตลอดทริปหน้าตาเป็นแบบนี้ค่ะ เราจะเริ่มใช้รถแบบนี้ตั้งแต่วันแรกมารับเราที่สนามบินเลยค่ะ รถสามารถปิดหลังคาขณะขับในเมืองหรือระหว่างเมือง และจะเปิดหลังคาโล่งขณะเข้าเขตอุทยานเพื่อให้เราชมสัตว์แต่ละวัน คนขับรถทั้ง 2 คนของเราเป็นคนท้องถิ่นน่ารัก friendly มาก ถ้าใครสนใจจองทัวร์ Safari ตรงกับบริษัทที่นู่น แนะนำเลยค่ะบริษัทนี้ Natures Wonderland Safaris มีโปรแกรมให้เลือกอยู่หลายทัวร์เหมือนกัน อย่าลืม request คนขับชื่อ Joseph and Tony :) (การจองแบบนี้ไกด์จะพูดเป็นภาษาอังกฤษนะคะ) Basic Highlight ของการเที่ยวดูสัตว์ใน Kenya จะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจากตามหา the “Big 5” หรือเจ้าป่าแห่งแอฟริกาประกอบไปด้วย ช้าง (African elephant) , สิงโต (lion), เสือดาว (leopard), ควายป่า (cape buffalo), และ แรด (rhinoceros) ซึ่งจัดว่าเป็นสัตว์ใหญ่อันตรายและยากที่สุดสำหรับการจับล่ามือเปล่าของชาวแอฟริกันในสมัยก่อน (ที่ว่าสมัยก่อน เพราะเดี๋ยวนี้ใครเค้าล่ากันล่ะน้อง) อีก Highlight ที่ทุกคนตั้งใจมาดูอยู่ที่ 4 วันสุดท้ายของทริป มันคือการอพยพครั้งยิ่งใหญ่ประจำปี (Great Migration) ของฝูงสัตว์ป่ากว่าสองล้านตัว รวมไปด้วย Wilderbeest, ม้าลายนับร้อยนับพันและสัตว์จำพวกละมั่งอื่นๆ อีกมากมาย การอพยพนี้ถือเป็นสิ่งมหัศจรรย์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลกธรรมชาติ ซึ่งจะเกิดขึ้นตลอดทั้งปีในเขตนี้ ตามช่วงฤดูที่เปลี่ยนแปลงไป และในช่วงระหว่างเดือนกค-กย ก็ถือเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการเดินทางมาเคนย่าเพื่อรอชมการอพยพข้ามแม่น้ำของสัตว์ จาก Serengeti ตอนเหนือของประเทศ Tanzania มายังเขตอุทยานมาไซมาร่า (Maasai Mara National Reserve) ซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของประเทศเคนย่า
เห็นภาพแล้ว .. คำถามยอดฮิตที่เราเจอเยอะมากคือ เอิ่ม..น้องจ๊ะ ถ้าพี่ตัดสินใจบินไป Kenya พี่ก็จะได้รูปสัตว์สวยๆมากมายแบบนี้เลยใช่มั๊ยคะ คำตอบคือ เอิ่ม.. พี่คะ ไม่แน่ไม่นอนเลยค่ะ อันดับแรก เนื่องจากสัตว์ที่เห็นในแต่ละ spot ล้วนแล้วแต่อยู่อาศัยแบบตามธรรมชาติของมัน บางวัน leopard อาจจะนอนซ่อนอยู่บนต้นไม้ทั้งวันไม่ออกมาให้เราเห็น แต่บางวันเราอาจจะโชคดีเจอชีต้าร์ที่หิวโซ และถ้าเราตัดสินใจจะเฝ้ารอมันซักพัก จนบังเอิญมี wildebeest เดินหลงมา ก็อาจจะได้ภาพ shot เด็ดของการไล่ล่าเช่นแบบนี้ก็ได้
เตรียมตัวก่อนเดินทาง
เริ่มเดินทาง!! สถานที่หลักๆของการเที่ยวซาฟารีครั้งนี้แบ่งออกเป็น 4 จุด ตามแผนที่นี้ค่ะ
ที่พักแต่ละที่ของที่นี่ไม่มีแอร์นะคะ แต่ไม่ลำบากค่ะ ตอนกลางวันอาจจะรู้สึกร้อนบ้าง อาบน้ำเย็นๆก็ช่วยได้ ส่วนตอนกลางคืนอุณหภูมิลดลง หนาวเลยค่ะ ที่พักแต่ละที่จะนำถุงน้ำร้อนซ่อนไว้ในผ้าห่มให้เราช่วงเย็นทุกวัน เป็นเหมือน heater ใต้ผ้าห่มขณะนอนหลับทุกคืนค่ะ การเดินทางเริ่มต้นด้วยการนั่งเครื่องบินจากกรุงเทพ ไปลงกรุงไนโรบี เมืองหลวงประเทศเคนย่า (ถึงแต่เช้าตรู่) หลัง Checkin ที่โรงแรม ก็แวะโฉบเฉี่ยวเที่ยวและทานอาหารพื้นเมืองในเมืองไนโรบี 1 วัน ถือเป็นการพักระหว่างนั่งเครื่องมานาน (ในส่วน Nairobi นี้ขอข้ามไปเลยนะคะ เพราะไม่ได้ทำอะไรเลยนอกจากทานข้าวในเมือง และกลับโรงแรมนอนพัก 555) 1. Samburu - ซาฟารีจุดที่หนึ่ง (20-22 กค.) เช้าวันแรกของการซาฟารี พวกเราเริ่มออกเดินทางจากไนโรบี ตั้งแต่พระอาทิตย์ยังไม่ขึ้นดี มุ่งหน้าไป Samburu ระยะเวลาการนั่งรถใช้เวลานานเกือบ 8 ชม. เล่นเอาเหนื่อยพอสมควร ถนนระหว่างทางจะสลับกันระหว่างทางเรียบและทางลูกรัง อีทางลูกรังเนี่ยบอกเลยว่าโหดเอาเรื่อง การนั่งรถลักษณะนี้ ถ้าเปิดเพลงมันส์หน่อย แทนถือว่าเราจะแด๊นซ์แรงได้โดยไม่ต้องตั้งใจ มาถึงที่พักก็เกือบบ่ายสองแล้ว วันแรกเลยชิลๆไม่รีบร้อน เราใช้เวลาอยู่ที่นี่ 3 วัน เริ่มซาฟารีตั้งแต่เย็นวันแรกที่มาถึง และทุกๆวันกิจกรรมจะเป็นเหมือนกัน คือตื่นเช้าตี 5 ทานอาหารเช้าและพร้อมขับรถออกไปเพื่อดูสัตว์เริ่มออกหากินตั้งแต่เช้ามืดจนถึงประมาณ 10-11 โมง เมื่อแดดเริ่มเปรี้ยงสัตว์ต่างๆเริ่มหลบเข้าร่ม เราก็หลบกลับที่พักมาทานอาหารกลางวันเช่นกัน และจะขับออกมาอีกครั้งประมาณช่วง 4 โมงเย็น เพื่อดูสัตว์โผล่ออกมากลางทุ่งอีกครั้ง หลังจากนั้นก็จะขับชมสัตว์ไปเรื่อยๆ จนถึงเวลาพระอาทิตย์ตกในแต่ละวัน Samburu เป็นเขตอุทยานที่สงบและเป็นที่ดึงดูดของสัตว์ป่าต่างๆหลายชนิด เนื่องจากอุทยานนี้มีแม่น้ำ Ewaso Ng'iro ที่ไหลตัดผ่านเขตพื้นที่เป็นแหล่งอาหารและแร่ธาตุต่างๆของสัตว์เหล่านี้ สัตว์ป่าที่พบเห็นที่ Samburu มีเยอะมากกกก ก.ไก่หลายตัว จุดแรกก็ล้นหลามละ โดยรวมๆก็มี ละมั่ง (Thomson Gazelle), ม้าลาย (Zebra), ออริกซ์ (Oryx), ยีราฟ (Giraffe) และ 3 Big cats ตัวชูโรง อย่าง เสือ(Lion), ชีตาร์ (Cheetah) และ เสือดาว (Leopard) ส่วนสัตว์ใหญ่อื่นๆก็จะมี ช้าง (Elephant), ควาย (Cape buffalo), ฮิปโป (Hippopotamus), แรด (Rhinoceros) หมูป่า (Warthongs), ดิก-ดิก (dik-dik), ละมั่ง แอฟริกา (Impala), วอเตอร์บัค (Waterbuck) บริเวณแม่น้ำ ก็จะมีจรเข้ (Nile Crocodile) นอนแพให้เห็นหลายสิบตัว อ่ะดูภาพที่ได้จาก Samburu นะคะ ที่ Samburu นี่ช้างเยอะมากก ตอนเช้าๆพระอาทิตย์เริ่มขึ้น ครอบครัวช้างนับสิบนับร้อย ทั้งตัวใหญ่ตัวเล็กตัวน้อย เดินออกมาหาอาหารกินเล่นกัน น่ารักมาก ดูวีดีโอรวมมิตรช้างค่ะ 2. Sweetwaters - ซาฟารีจุดที่สอง (23-24 กค.) ระยะเวลาเดินทางจาก Samburu มาถึง Sweetwaters ใช้เวลาประมาณ 5ชม. เราเริ่มออกเดินทางตั้งแต่เช้ามืดเช่นเคย นั่งรถกึ่งหลับกึ่งแดนซ์กันอีกครั้ง ระหว่างทางมีฝนนิดหน่อย แต่พอมาถึงที่นี่พบว่าอากาศเย็นดีมากเนื่องจากเป็นเขตพื้นที่สูง ประมาณเที่ยงๆเราก็มาถึงที่พัก เราพักอยู่ที่นี่ 2 คืน โรงแรมที่นี่สวยบรรยากาศดีเลยค่ะ ที่พักที่เราได้เป็นเต้นท์น่ารักน่าอยู่ค่ะ Sweetwaters game reserve นั้นตั้งอยู่ในเขตอนุรักษ์ Ol Pejeta Conservancy นอกจาก Big 5 ที่สามารถพบเห็นได้ทั่วไปแล้ว Ol Pejeta ยังเป็นที่ตั้งของ Sweetwaters Chimpanzee Sanctuary เขตรักษาพันธุ์ชิมแปนซีที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อจัดหาบ้านให้กับลิงชิมแปนซีที่ถูกทอดทิ้งและประสบกับการบาดเจ็บจากการถูกทารุณกรรมจากมนุษย์ นอกจากนี้ Ol Pejeta Conservancy นี้ยังเป็นเขตพื้นที่ที่จัดว่ามีแรดดำที่ใหญ่ที่สุดในแอฟริกาอีกด้วยค่ะ เนื่องจาก Ol Pejeta Conservancy นี้ตั้งอยู่บนพื้นที่เส้นศูนย์สูตร อีกจุดยอดนิยมที่เราแวะไปถ่ายรูปในวันสุดท้ายก่อนมุ่งหน้าไปยังเมืองถัดไป ก็คือ Equator Sign ค่ะ จริงๆก็ไม่มีอะไรมาก มีขอนไม้กั้นระหว่าง Equator ให้รู้ว่าฝั่งนึงคือซีกโลกเหนือ ส่วนอีกฝั่งก็คือซีกโลกใต้ มีป้ายเขียน 0 00'00.00"N ให้รู้ว่านี่คือจุดศูนย์สูตรค่ะ ก็ถ่ายรูปเป็นพิธีกันไปก่อนจากกัน 3. Lake Naivasha - ซาฟารีจุดที่สาม (25 กค) จริงๆจุดนี้เป็นเหมือนจุดพักระหว่างทางของการขับรถจาก Samburu ไปยัง Masai Mara ซึ่งเป็นจุดหมายสุดท้ายที่อยู่ทางตอนใต้ของ เคนย่า (หากขับต่อเนื่องยาวไปถึงมาไซมาร่าเลยจะต้องใช้เวลาเกินกว่า 10 ชม.) ก็เช่นเดิมค่ะ เราเริ่มออกเดินทางตั้งแต่เช้าตรู่มาถึงที่พักก็ประมาณเที่ยงกว่า โรงแรมที่นี่มีความหรูแบบป่าๆ เดินเข้ามาแล้วรู้สึกเหมือนเดินเข้า Jurassic Park ง่ะ จุดเด่นของที่นี่ แทนว่าไม่ใช่ซาฟารี แต่เป็นโรงแรมที่พักนี่แหล่ะ เค้าพยายามจัดให้สัตว์เข้ามาใกล้ชิดกับผู้พักมากที่สุด ระหว่างเดินออกจากห้องพักเพื่อมาทานข้าว ก็สามารถเห็นยีราฟเดินตัดหน้าไปกินต้นไม้แถวหน้าห้องแบบนั้นเลย ไม่เว่อร์! แล้วถ้าเดินไปด้านหลังห้องพักช่วงเย็นๆ ก็จะมีม้าลายยืนกินหญ้าระยะใกล้ๆให้ถ่ายรูปได้ชนิดไม่ต้องซูมเลย แต่ในบริเวณก็จะมีป้ายเขียนไว้ตลอดเป็นระยะ ให้ระวังสัตว์ ห้ามให้อาหาร และอย่าเข้าใกล้ระยะประชิดจนเกินไป มีข่าวว่ามีนักท่องเที่ยวชาวจีน โดนฮิปโปเข้า Charge เสียชีวิตไม่กี่ปีมานี้ เนื่องจากเข้าใกล้เกินไป … หวายยกัวว ที่เที่ยวสำคัญของจุดนี้ ก็ตามชื่อเลยค่ะ Lake Naivasha เป็นทะเลสาบน้ำจืดขนาดใหญ่ในเคนยา กิจกรรมวันถัดมา ก็หนีไม่พันการนั่งเรือตอนเช้า ชมนกนานาชนิด และฝูง Hippo จำนวนมากในทะเลสาบ Naivasha 4. Masai Mara - ซาฟารีจุดที่สี่ (26-29 กค.) และแล้วก็มาถึงจุดสุดท้ายซึ่งเป็นจุด Highlight ที่เราเฝ้ารอ Maasai Mara (มาไซมารา) เป็นพื้นที่ของป่าสะวันนาที่อนุรักษ์ไว้ในเขตตะวันตกเฉียงใต้ของเคนยา ที่ถูกตั้งชื่อขึ้นตามชาวเผ่าผู้อาศัยตามธรรมชาติของพื้นที่นี้แต่ดั้งเดิม (ชาวเผ่า Maasai- Mara) เป็นเขตอนุรักษ์สัตว์ป่าที่กว้างและมีชื่อเสียงมากของโลกพอๆกับเพื่อนบ้านทางตอนใต้ - Serengeti National Park (อุทยานแห่งชาติเซเรนเกติ) ของประเทศแทนซาเนีย สองพื้นที่นี้รวมกันคลุมพื้นที่กว่า 20,000 ตารางกิโลเมตร และเป็นที่รู้จักกันในชื่อระบบนิเวศ Mara- Serengiti 6 ชม.ถัดจาก Lake Naivasha เราก็มาถึง Masai Mara ที่พักที่นี่เป็นที่พักแบบ Tent และดูจะดิบและใกล้ชิดธรรมชาติที่สุดในจำนวนทุกที่ๆเข้าพักมา มีการจำกัดการใช้ไฟฟ้าซึ่งจะตัดทุกคืนในเวลา 4 ทุ่ม ตายแหล่ว… อยู่ 4 คืนซะด้วยเสะ อ่ะ.. อยู่แบบติดดินหน่อยก็ถือว่าเปลี่ยนบรรยากาศบ้าง พยายามคิดว่าตัวเองเป็นโพคาฮอนทัสให้ได้ มาถึงมาไซวันแรก นั่งพักช่วงบ่ายแป๊บนึง พอบ่าย 3-4 โมงก็เริ่ม ซาฟารีเย็นเป็นวันแรก วันแรกก็เจอ Scene เด็ดเลย เป็นฝูงครอบครัวสิงโตแม่สองพร้อมลูกเล็กอีก 6 ตัว กำลังพากันเดินเป็นขบวนผ่านหน้ารถ น่าจะได้เวลากลับบ้าน พระอาทิตย์กำลังตก มีลูกสิงโตตัวนึงหยุดเหม่อขอบฟ้าจนลืมครอบครัว ตลกมาก 555 เช้าวันรุ่งขึ้นช่วงพระอาทิตย์ขึ้น ออกมาอีกครั้งก็เจอครอบครัวเดิมอีก!! คราวนี้น่าจะเพิ่งกินเหยื่อเสร็จ เพราะเห็นทุกตัวปากสีแดงๆ น่าจะเพิ่งกินอาหารเช้ากันไป ทั้งฝูงกำลังเดินมุ่งหน้าเพื่อไปกินน้ำที่แม่น้ำ ระหว่างเดิน ลูกสิงโตตัวนึง (ไม่รู้ตัวเดิมที่เหม่อเมื่อวานนี้หรือเปล่า) เดินช้าแตกแถวพลัดหลงกับแม่และหลงฝูงอีกแล้ว ทั้งฝูงต้องหยุดหารอเทอคนเดียว สุดท้ายลูกสิงโตก็ร้องเรียกแม่มันจนเดินตามมาทัน ในความหลากหลายและหนาแน่นของสัตว์นั้น จุดนี้ ไม่ต้องกลัวจะไม่เจออะไร ก็ในเมื่อได้เกริ่นไปแล้วว่าเป็นพื้นที่ที่ดีที่สุดในการชมสัตว์ป่าของโลก อ่ะ...ตัวอะไรบ้าง? Checklist ที่เราเจอ ได้มาตามนี้เลยข่ะ Wildebeest, Topi, Zebra, Thomson's gazelles, Grant's gazelles Lion, Leopard, Elephant, Cape buffalo, Rhinoceros, Hippo, Crocodiles, Hyenas, Cheetahs, Jackals, Elands, Impalas, Giraffe, Serval cat, Vultures, Marabou storks, Secretary birds, Hornbills, Crowned cranes, Ostriches, Long-crested eagles, African pygmy-falcons, Lilac-breasted roller ใครอยากรู้ว่าหน้าตาสัตว์เหล่านี้เป็นอย่างไรดูเพิ่มเติมได้ที่นี่ค่ะ https://www.masaimara.travel/animals-wildlife.php ตัวที่รู้สึกประทับใจที่สุดวันนี้คือ "Serval Cat" - แมวป่าที่หายากมาก เรียกว่าเป็น Secret Creature ได้เลย เป็นสัตว์ที่วิ่งได้เร็วเป็นที่สองของตระกูลแมวทั้งหมด (ถัดจากชีต้าร์) มีความสามารถในการกระโดดจากพื้นสูงถึง 10 ฟุต เพื่อจับนกกิน ตัวจริงสวยและวิ่งเร็วมาก แต่เร็วแพ้แม่เรา แม่เราถ่ายทันอยู่ดี อุอิ หลังจาก 4 วันที่สัตว์ป่ากระแทกตาจนเต็มอิ่ม ก็ถึงเวลาที่ต้องกลับบ้าน เราออกเดินทางตอนเช้าเพื่อไปขึ้นเครื่องที่ไนโรบี วันนี้เป็นการนั่งรถที่นานที่สุดถึง 8 ชม.. ก้นชามากค่ะ ระหว่างทางกลับเราแวะชมหมู่บ้านมาไซมาร่า และไม่พลาดที่จะดู Jumping Dance ซึ่งเป็นวิธีการคัดเลือกหัวหน้าของเผ่ามาไซ ที่ใช้การเต้นกระโดด หรืออาดูมู ในการวัดทักษะของนักรบที่จะก้าวขึ้นมาเป็นหัวหน้า ซึ่งใครที่กระโดดได้สูงที่สุด ก็จะได้รับการคัดเลือก การเต้นรำกระโดดแบบนี้ถือเป็นการเรียกขวัญและกำลังใจของเหล่านักรบชาวมาไซ ก่อนการออกล่าสัตว์หรือออกรบกับเหล่าศัตรูเผ่าอื่นๆในสมัยก่อนด้วย จบแล้วทริปเคนย่า ทริปแรกในชีวิตสำหรับการเที่ยวซาฟารี สนุกเต็มอิ่มจริงๆ ขอบคุณผู้อ่านที่อ่านมาจนถึงจุดนี้ เขียนผิดพลาดประการใดขออภัยล่วงหน้าค่ะ ขอบคุณผู้ร่วมทีมพี่ๆและน้าอาทุกคนที่ทำให้บรรยากาศทริปสนุกมากมาย ได้ทั้งความรู้เรื่องสัตว์และ tips and tricks ในการถ่ายรูปมาอีกเพียบเลย และขอบคุณที่สุด คือพ่อแม่ที่น่ารักที่พาไปเที่ยว ที่ให้ประสบการณ์ดีๆที่ไม่มีวันลืมแบบนี้ ^_^ แล้วพบกันใหม่ทริบหน้าค่ะ
1 Comment
|
ArchivesCategoriesสงวนลิขสิทธิ์ ไม่อนุญาตให้นำรูปภาพหรือตัดข้อความส่วนหนึ่งส่วนใดๆไปใช้ก่อนได้รับอนุญาต หากเพื่อนๆคิดว่าเนื้อหานี้มีประโยชน์และอยากแชร๋ต่อ สามารถส่งต่อ Link URL นี้ได้ค่ะ
|