FOLLOW ME MODE
  • Home
  • My Adventures
    • NAMIBIA
    • KENYA
    • GERMANY
    • ICELAND
    • NEW ZEALAND
    • BRAZIL
    • MYANMAR
  • IMAGES
  • VDO
  • My Story
​2018

NEW ZEALAND

SOUTH ISLAND ROAD TRIP

SOUTH ISLAND, NEW ZEALAND

4/16/2018

Comments

 
ขอเกริ่นๆ ก่อนเริ่มการเล่าเรื่องทริปครั้งนี้ ด้วยวีดีโอนี้ก่อนเลยนะคะ ^_^
หลายปีที่ผ่านมาได้มีโอกาสเห็นรูปสวยๆของประเทศนิวซีแลนด์ ก็ได้เคยเก็บเอามาเป็นหนึ่งประเทศที่ตั้งใจจะไปมาสักพัก เอาล่ะ! หลังจากชักชวนเพื่อนฝูงกันมาสักพักใหญ่ สงกรานต์ปีนี้ก็ได้ฤกษ์และมีโอกาสสักที รวบรวมทีมมาได้ทั้งหมด 10 คน จากเดิมที่คิดว่าอยากจะลองขับรถบ้านดูแต่เนื่องจากสมาชิกมีถึง 10 คน การขับรถบ้านอาจจะทำให้ไม่ค่อยได้อยู่ด้วยกันและไม่ตอบโจทย์เท่าไหร่ เพราะรถบ้านคันนึงก็จุได้เพียงสองสามคนเท่านั้น สุดท้ายต้องจบลงที่การหาเช่ารถมินิแวนแบบที่นั่งได้คันละ 8 คน (แต่เราแบ่งเป็นคันละเพียง 5 คนนะคะ เนื่องจากต้องพับเบาะท่อนสุดท้ายสำหรับกระเป๋า 5 ใบใหญ่และสัมภาระอื่นๆ)
Picture
การขับรถเที่ยวในนิวซีแลนด์เป็นที่นิยมมาก เพราะนอกจากจะเป็นการเที่ยวแบบอิสระที่อยากจะแวะตรงไหน เวลานานเท่าไหร่ก็ได้ แล้ว ยังง่ายเพราะเป็นการขับรถชิดซ้ายแบบบ้านเรา แถมปลอดภัยกว่าเนื่องจากถนนนั้นได้มาตรฐาน ได้รับการจัดระเบียบป้ายต่างๆอย่างชัดเจน พอลองเริ่มต้นหาข้อมูลต่างๆไม่ว่าจะเป็นเส้นทางการขับรถ โรงแรม ร้านอาหาร และตั๋วเครื่องบิน โอ้โฮ! ราคาไม่ถูกเลยนะเนี่ย บานปลายพอสมควร หลังจากหาได้สักพักเริ่มมีความถอดใจ รู้สึกว่ายุ่งยากและแพงจุง ทริปการขับรถรอบเกาะแบบนี้เราจะต้องย้ายโรงแรมกันทุกคืนเลย การจัดโรงแรมสำหรับคน 10 คนใหม่ทุกคืนไม่ใช่เรื่องง่ายเอาซะเลย โชคดีพี่จิลเพื่อนในแก๊งค์แนะนำว่าเคยเห็นเพื่อนซื้อแพคเกจทัวร์เป็นลักษณะ Safe-Driving Package ซึ่งจะเป็นราคาเหมารวมตั๋วเครื่องบิน โรงแรม และรถเช่า ให้เรียบร้อยแล้ว ไปถึงก็แค่ไป pick up รถเช่าแล้วขับไปตามจุดต่างๆตามแผนการท่องเที่ยวที่เค้าจัดให้ ฟังแล้วก็เออง่ายกว่าเยอะเลย พอลองติดต่อบริษัททัวร์ตามที่เพื่อนแนะนำมา ก็โอเค ตัดสินใจ ซื้อค่ะ!  บริษัทชื่อ Always Vacation  แปะลิงค์ไว้ให้ ที่นี่ นะคะ สำหรับแผนการเดินทาง เค้าก็จะมี Option ให้เลือกหลายเส้นทาง แตกต่างกันไปบ้างเล็กน้อย ขึ้นอยู่กับกิจกรรมที่เราอยากจะเน้นทำ นอกจากเรื่องราคาที่ถูกลงกว่าการไปจองแยกเอง ก็คือเรื่องของการประหยัดเวลาในการหาข้อมูลต่างๆ สงสัยหรือไม่เข้าใจเส้นทางหรือกิจกรรมอะไร ก็ไลน์ไปถามแล้วก็ได้คำตอบเลย ความวุ่นวายในการจองโรงแรมก็จบไป ว่าแล้วก็จ่ายมัดจำ และเริ่มส่งข้อมูลต่างๆให้เค้า แทนขอข้ามเรื่องการขอยื่นวีซ่าและการเตรียมเอกสารนะคะ ข้อมูลเหล่านี้น่าจะหาได้ทั่วไป และอีกอย่างหลังจากที่ตัดสินใจใช้บริการกับ Always Vacation ทางบริษัทเค้าก็ส่งคนมารับ Passport และจัดการเอกสารให้หมดเลย แทนเองเลยไม่ได้ไปยุ่งยากหาข้อมูลด้วย วีซ่าที่ทางบริษัทเค้าขอให้เป็นลักษณะ Group Visa ราคาจะถูกกว่าการขอแบบรายตัว แต่ผู้เดินทางต้องไปพร้อมกัน กลับพร้อมกันเป็นกลุ่มตามในวีซ่านะคะ
Picture
เอาล่ะโฆษณาให้บริษัทเค้าเยอะละ (ยืนยันเค้าป่าวจ้างมานะคะ) เข้าเรื่อง Trip เลยดีกว่า 555 สรุปช่วงที่เราไปกันคือวันที่ 6 - 15 เมษา คาบเกี่ยวช่วงวันหยุดสงกรานต์พอดีเลย ช่วงเวลานี้ถือเป็นฤดู Autumn / Fall เป็นอีกฤดูท่องเที่ยวของนิวซีแลนด์เลยทีเดียว ก่อนไปเช็คอากาศช่วงนี้เค้าบอกว่าประมาณ 7-21 องศา(C) เอาเข้าจริงไปถึง หนาวกว่าที่คิดแฮะ อุณหภูมิแต่ละวันอยู่ที่ 5-15 องศา(C) เองค่ะ ช่วงกลางคืนบางคืนมีหนาวถึง 0-5 ก็มี เสื้อหนาว ถุงมือ เสื้อกันลม กันฝน เตรียมไปเลยค่ะ ได้ใช้แน่ๆ โดยเฉพาะเสื้อกันฝน ถ้าตัดสินใจไปในช่วงฤดูนี้ละก็ พกติดตัวพร้อมใช้ไว้ตลอดเวลาไม่ต้องใส่ไว้ในกระเป๋าใหญ่เลยค่ะ เลือกแบบที่คลุมทั้งแขนทั้งขายาวไปเลยนะคะ ถ้ายาวไม่พอกางเกงมีเปียกแน่ๆ ถ้าจะให้แนะนำ ก็จะเป็นของ IKEA รุ่น Knalla ค่ะ พกง่ายและใช้ดี๊ดี หรือจะเลือกแบบใช้แล้วทิ้งที่ขายตามเซเว่นก็สบายดีค่ะ เลือกแบบหนาหน่อยนะคะ ที่เป็นพลาสติกบางๆขาดง่ายไปหน่อยค่ะ
Picture
อีกอันนึงที่อย่าลืมเตรียมก็คือหัวปลั๊ก adapter สำหรับเครื่องใช้ไฟฟ้าของเรานะคะ ที่นี่จะใช้เป็น Type I หน้าเศร้าๆตามรูปด้านล่างนี้เลยค่ะ สามารถหาซื้อหัว adapter ได้ตาม MBK ชั้นที่ขายมือถือและอุปกรณ์ไฟฟ้าได้ในราคาไม่เกิน 50-80 บ.
Picture
Socket - Type I
Picture
Picture

เส้นทางของทริปที่จะเล่าทั้งหมดนี้ก็ยึดตามที่ทางทัวร์เค้าแนะนำมาเลย มีปรับเปลี่ยนเพิ่มและตัดบางจุดไปบ้าง route การขับรถ ดูคร่าวๆตาม Map นี้นะคะ (ตาม Mapแล้ว พวกเราไม่ได้ไปดูปลาวาฬที่ Kaikoura เบอร์ 11 นะคะ เนื่องจากจำนวนวันไม่พอ) ถ้าเพื่อนๆอยากดูรายละเอียดทั้งหมดที่เค้าจัดให้ก็สามารถอ่านและดาวน์โหลดได้ ที่นี่ เลยค่ะ
Picture

New Zealand วันที่ 1-2 (Apr 6, 7)
ระยะทาง : 243 กิโลเมตร
สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ
  • Castle Hill
  • Arthur's Pass​
  • Greymouth
Picture
เริ่มต้นเดินทางวันแรกออกจากกรุงเทพด้วย Singapore Airline โดยแวะเปลี่ยนเครื่องที่ Singapore  ระยะเวลาเดินทางจากกรุงเทพถึงสิงค์โปร์เท่ากับ 2 ชั่วโมงครึ่ง พอถึงสนามบินชางฮี ประเทศสิงคโปร์ ก็มีเวลารอเปลี่ยนเครื่องประมาณ 4 ชั่วโมง สาวๆก็เดินช็อปปิ้งตามสบายเลยนะคะ สนามบินที่นี่ใหญ่และมีของให้ซื้อเยอะมาก หลังจากนั้นก็ต่อเครื่องจาก Singapore มุ่งหน้ามาสู่เมือง Christchurch ใช้เวลาเดินทางต่ออีกประมาณ 10 ชม.

​ถึงเมือง Christchurch เวลาประมาณ 9 โมงเช้าพอดี หลังจากผ่านพิธีตรวจคนเข้าเมืองเรียบร้อยก็ออกมาซื้อซิมการ์ดที่เคาน์เตอร์ของ Vodafone ที่ตั้งอยู่ตรงทางออกเลย Plan ที่แทนเลือกใช้คือ 3GB พร้อมโทรฟรี 200 นาที + ส่งข้อความ SMS ได้ 200ครั้ง ราคา NZD49 เที่ยบออกมาเป็นเงินไทยก็ประมาณพันบาทนิดๆ ก็ถือว่าราคาโอเคสำหรับ 10 วันเลยทีเดียว ตอนแรกคิดว่าถ้าต้องดูแผนที่ตลอดเวลา 3GB จะพอมั๊ยนะ แต่สุดท้ายก็พอและยังเหลือตอนจบทริปด้วยค่ะ สัญญาณทั่วไปก็ดีตลอด แต่จะมีบางวันที่เข้าใจว่าคงอยู่ในช่วงภูเขาสูงที่อับสัญญาณ ขาดไปทั้งวันเลยก็มีค่ะ เราก็อาศัยการใช้ GPS Garmin ที่รถเช่าให้มา ดูเส้นทางควบคู่กันไปค่ะ
Picture
วันแรกตามรายการทัวร์บอกให้แวะเข้าไปเที่ยวเมือง Chirstchurch เลย แต่เราโอ้เอ้กันพอสมควร และดูรายการเห็นว่าวันสุดท้ายก็ยังมีเวลาเที่ยวในเมือง Christchurch อยู่ดี พวกเราก็เลยข้ามการเข้าเมืองไป รับรถแล้วขับมุ่งหน้าไปจุดหมายแรกคือ Castle Hill เลยค่ะ ระหว่างทางผ่านร้าน The Famous Sheffield Pie Shop ชื่อดัง เลยแวะกินซักหน่อย พายเนื้อ พายไก่อร่อยเลยทีเดียว!
Sheffield Pie Shop
Sheffield Pie Shop
Picture
มีหลายไส้ เลือกไม่ถูกเลย
ระหว่างทางมา อากาศมีความขมุกขมัวและฝนปรอยเล็กน้อย แต่โชคดีมากที่ตอนมาถึง Castle Hill ฟ้าเปิดสว่างทำให้พวกเราได้รูปสวยๆกันเยอะเลย Castle Hill เป็นจุดที่นักท่องเที่ยวแวะมาดูกลุ่มหินประหลาดใหญ่เล็กมากมาย จุดขายที่ทำให้สถานที่นี้ดัง ก็เนื่องมากจากเป็น Spot ในการถ่ายทำหนังเรือง Lord of the rings นั่นเอง การเดินเที่ยวเข้าชมที่นี่ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆค่ะ เนื่องจากวันนี้โปรแกรมค่อนข้างชิล ไม่ได้ต้องมีจุดแวะพักอีกแล้ว พวกเราเลยใช้เวลาเดินบนหินและนั่งเกลือกกลิ้งกันอยู่กับใบหญ้าประมาณ 2 ชม. พี่นุ่นสะกิด เฮ้ยอีแทน! ไปต่อมะวะ อ่ะ.. เคๆ พวกเราไปๆ (ปรบมือๆ)
Picture
Picture
Picture
Picture
Picture
เหนื่อยมั๊ยตานุ่น
จุดหมายถัดไปของเราก็คือเข้าที่พักที่เมือง Greymouth เราขับผ่านถนนเส้น Arthur's Pass ซึ่งเป็นเส้นที่มีธรรมชาติอันสวยงามอุดมสมบูรณ์เพื่อตรงเข้าที่พักเลย
Picture

New Zealand วันที่ 2 (Apr 8)
ระยะทาง : 232 กิโลเมตร
สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ​
  • Pancake Rock, Punakaiki
  • Hokitika Gorge
  • ​Franz Josef
Picture
ตื่นเช้าพร้อมเช็คเอาท์จากโรงแรมประมาณ 8:30 จุดมุ่งหมายแรกคือการขับย้อนเส้นทางขึ้นไปทางทิศเหนือสู่เมืองปูนาไกกิ (Punakaki) เป็นเมืองที่ติดชายผั่งตะวันตก ที่มี Pancake Rocks and Blowholes หินที่รูปร่างเหมือนแพนเค้กเรียงตัวกันเป็นชั้นๆสวยงาม ลักษณะหินที่เห็นนี้ เกิดจากการทับถมของเศษหินก่อตัวขึ้นมานับร้อยๆปี และชม Blowholes ซึ่งเวลาที่คลื่นทะเลซัดมา ก็จะมีน้ำพุ่งขึ้นสูงเป็นฝอยฟุ้งกระจายผ่านตรงหินที่มีรูขนาดใหญ่หรือที่เรียกว่า Blowholes นี้เอง
Picture
Pancake Rocks
Picture
ชมวิวทะลฝั่ง West Coast ในระหว่างทางที่กลับมายังเมือง Greymouth อีกครั้งหนึ่ง เพื่อเดินทางผ่านไปยังเมือง Hokitika ซึ่งใช้เวลาประมาณชม.นิดๆ จุดหมายที่เราจะไปคือ Hokitika Gorge ซึ่งเป็นลำธารสีเทอควอยซ์ระหว่างช่องแคบ แต่พอไปใกล้ถึง ปรากฏว่าฝนตกหนัก เราเลยแวะเข้าเมือง Hokitika เพื่อกินข้าวกลางวันก่อนที่ร้านพิซซ่าดัง "Fat Pipi Pizza" จานที่เราสั่งอร่อยหมดเลยค่ะ จานนึง share ได้สองหน้าแบ่งครึ่ง หน้าที่แนะนำก็มี Whitebait, Portifino, Cajun Supreme, Quatro, Aloha
Picture
Picture
Whitebait Pizza
Picture
หลังทานพิซซ่าเสร็จเดินออกมาเข้าห้องน้ำทางด้านหลังร้าน ก็อ้าว! นี่มันจุดยอดฮิตประจำเมืองที่เค้ามาถ่ายรูปกันหนิ ฝนตกฟ้าไม่สวยแต่ก็อ่ะๆ รวมตัวถ่ายรูปกันหน่อย
Picture
Picture
ขับรถออกจากร้านพิซซ่าตรงมายัง Hokitika Gorge ​ ลำธารสีเทอควอยซ์ใช้เวลาประมาณครึ่งชม. มาถึงฝนยังคงตกลงมาอย่างต่อเนื่อง สภาพการแต่งตัวชมสะพานและลำธารของพวกเราจึงเป็นแบบเน้ข่ะ
Picture
จากจุดจอดรถ เราเดินไปตามทางโดยผ่านสะพานแคบ Swinging Bridge และลัดเลาะลงไปจนถึงด้านล่างบริเวณลำธาร ทั้งหมดเป็นระยะทางไปกลับประมาณโลนิดๆได้ เราใช้เวลาเดินทั้งหมดประมาณเกือบครึ่งชม ถึงอากาศไม่เป็นใจ แต่ก็คุ้มค่าเดินค่ะ
Picture
Swinging Bridge
Picture
Hokitika Gorge
อยู่จนเกือบ 4 โมงเย็น ก็เริ่มออกเดินทางต่อ ปลายทางของเราวันนี้คือการเข้าพักที่ Franz Josef Glacier ซึ่งใช้เวลาขับรถประมาณสองชม.กว่า ระหว่างทางมีจุดพักให้ถ่ายรูปพระอาทิตย์ตกที่ Lake Ianthe อีก 1 จุดก่อนถึงโรงแรม
Picture
Lake Ianthe

New Zealand วันที่ 3 (Apr 9)
ระยะทาง : 297 กิโลเมตร
สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ​
  • Heli Hike, Franz Josef
  • Lake Matheson
  • Bruce Bay
  • Knights Point Lookout
  • Ship Creek
  • Hasst
  • Thunder Creek Falls
  • Blue Pools Walk
  • Wanaka
Picture
วันนี้เป็นวันที่โปรแกรมแน่นเอี้ยดจริงๆ และแน่นจนหลายรายการที่เราตั้งใจไว้ต้องถูกข้ามไปหลายที่เลยแหล่ะ แพลนแรกของเราวันนี้คือ Heli Hike @ Franz Josef กิจกรรมนี้ก็คือการนั่ง Helicopter ขึ้นไปปล่อยเราลงที่ Franz Josef Glacier (ธารน้ำแข็งบนเขา) และเดิน Hiking อยู่บน Glacier เป็นระยะเวลาประมาณ 3 ชม. (กิจกรรมนี้เราต้องจ่ายเงินเพิ่ม โดยเรา book ล่วงหน้าไว้กับทัวร์แล้ว ราคาตกท่านละ 11,670บ. ค่ะ) 

พวกเราเช็คเอ้าท์ออกจากโรงแรม 7:30 และเดินทางไปถึงจุดนัดพบ (Helicopter Base) ซึ่งอยู่ห่างจากโรงแรมไม่ถึง 5 นาที (ไปผิดอันด้วยตอนแรก โชคดีอยู่ใกล้กัน) พอเข้าไป ก็ยื่นเอกสารการจอง ทางพนักงานก็จะมีการให้เราเซ็นเอกสารยอมรับความเสี่ยงต่างๆ พร้อมให้อุปกรณ์ต่างๆในการเดินเขาน้ำแข็ง รวมถึงให้ใส่เสื้อและกางเกงตามที่เค้าเตรียมไว้ (อันนี้บังคับใส่เพื่อความปลอดภัยนะคะ) ก่อนจะขึ้น Helicopter ก็จะมีการสาธิตและอธิบายขั้นตอน พร้อมข้อห้ามต่างๆระหว่างการ Heli Hike กิจกรรมนี้ขอบรรยายเป็นวีดีโอจะชัดเจนกว่า ^_^
Picture
Picture
Picture
หลังจากกิจกรรม Heli Hike เสร็จสิ้นลงตอนเวลาประมาณเที่ยงครึ่งแล้ว ด้วยระยะทางที่ไกลพอสมควรในช่วงบ่าย พวกเรารีบวิ่งเข้าร้าน Convenience Store ที่อยู่ติดๆกัน เพื่อซื้ออาหาร แซนด์วิช และขนม เพื่อทานเป็นข้าวกลางวันกันบนรถ ปลายทางของเราวันนี้คือเมือง Wanaka ซึ่งต้องใช้เวลาขับรถทั้งหมดเกือบ 4 ชม. เราตั้งใจว่าจะเก็บจุดชมวิวต่างๆให้เยอะที่สุด แต่เนื่องจากช่วงบ่ายวันนี้ฝนตกปรอยๆอย่างต่อเนื่องเลย พอถึงจุดที่จะแวะแต่ละที่ก็เกิดความขี้เกียจลง ได้แต่ชมวิวด้วยการขับรถผ่านเท่านั้น สุดท้ายแล้ว Hightlight ของวันทั้งหมด ไม่ได้แวะเลย T_T จุดเดียวที่เราได้แวะก่อนที่ฝนจะเริ่มตกก็คือ Lake Matheson ซึ่งอยู่ห่างออกไปจากจุด Heli Hike แค่ครึ่งชม. พอมาถึงเราก็จอดรถที่จุดจอดรถ Jetty Viewpoint แล้วเดินเข้าไปประมาณ 1.2 กม. ถึงจุดชมวิวที่โด่งดัง ที่จุดนี้จะเห็นทะเลสาบ Matheson พร้อมกับเงาสะท้อนของ Mt. Cook และ Mt. Tasmun ระยะไกลได้อย่างชัดเจน สวยแค่ไหนดูจิๆ 
Picture
Picture
Picture
ออกจาก Lake Matheson เราก็ขับรถตรงเข้าโรงแรมที่เมือง Wanaka เลย กว่าจะเข้าถึงโรงแรมก็ทุ่มกว่าแล้ว ก็ทานอาหารค่ำกันที่ร้านอาหาร Mexican ใต้โรงแรมนั้นเลย จบวันที่ 3 ค่ะ

New Zealand วันที่ 4 (Apr 10)
ระยะทาง : 230 กิโลเมตร
สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ​
  • Lake Wanaka
  • Arrowtown
  • Te Anau
Picture
วันนี้ช่วงเช้าเราตั้งใจจะไม่เร่งรีบ อยู่ชิลๆในเมืองวานาก้าก่อนออกเดินทางซักหน่อย จริงๆแล้วตามแพลนที่ทัวร์ให้ไว้ เราต้องเที่ยว Lake Wanaka และดูต้นไม้ยอดฮิตตั้งแต่เมื่อวาน แต่เนื่องจากเมื่อวานโปรแกรมแน่น และขับรถไกลกว่าที่คิดก็เลยอดไป เช้ามาวันนี้เราเลยมุ่งหน้าไปที่ "That Wanaka Tree" เพื่อเก็บตกก่อนเลย ไปถึงก็พบว่านักท่องเที่ยวล้นหลามจริงๆ ต้องหามุมถ่ายเพื่อเลี่ยงคนสุดริด ได้มาแบบนี้ ถ่ายๆอยู่ฝนมาอี๊กกก
Picture
ก่อนออกจากเมืองวานาก้า ก็แวะกิน Brunch ที่ Wanaka Wharf ซึ่งห่างแค่ไป 5 นาที ร้านที่เราเลือกชื่อ Big Fig อาหารอร่อย แดดมาแล้วว บรรยากาศดีมาก นานๆเข้าตัวเมืองที รู้สึกว่าเมืองวานาก้าเป็นเมืองที่น่ารักมาก ถ้ามีเวลาอยู่ต่ออีกซักคืนจะชิลมากก เวลาผ่านไปเร็วจังต้องออกเดินทางต่อละ
Picture
Picture
เมืองถัดมาของวันนี้คือ Arrowtown เป็นเมืองเล็กๆน่ารักที่มีบรรยากาศแบบยุคเก่าๆ มีถนน Shopping หลักชื่อ Buckingham St. ที่มีความคล้ายถนนใน New Orleans, USA มีร้านเสื้อผ้า ร้านกาแฟ และร้านอาหารน่ารักๆข้างทางถนนตลอดแนว เราหยุดที่เมืองนี้ดื่มกาแฟ ซื้อไอติมที่ร้าน Patagonia Chocolates และเดินเล่น อยู่ประมาณ 2 ชม.ได้ แล้วก็มุ่งหน้าสู่เมือง Te Anau เมืองปลายทางของเราในวันนี้
Picture
มาถึง Te Anau เวลาประมาณ 6 โมงเย็น เรามีการจองกิจกรรมล่วงหน้าสำหรับทัวร์ล่องเรือชมถ้ำหนอนเรืองแสง (Glowworm Cave) ไว้ตอนทุ่มครึ่ง โชคไม่ดีที่คืนนี้ฝนตกหนักอย่างต่อเนื่อง ทำให้การนั่งเรือไปดูหนอนเรืองแสงไม่สนุกเท่าที่คิด หนอนเรื่องแสงที่ว่านี้จะอยู่ในถ้ำกลางน้ำซึ่งต้องนั่งเรือออกไปประมาณครึ่งชม.นะคะ (ระยะเวลาของกิจกรรมนี้ทั้งหมดตกอยู่ที่เกือบ 3 ชม.) พอไปถึงถ้ำ ก็จะมีพนักงานอธิบายเรื่องราวความเป็นมาเกี่ยวกับถ้ำ และประกฏการณ์การค้นพบหนอนเรืองแสงชนิดนี้ ก็สนุกไปอีกแบบ เหมือนทัวร์ถ้ำ Jurassic Park (แต่ถ้าฝนไม่ตกหนักจะดีมาก) ไม่มีรูปหนอนเรืองแสงให้ดูนะคะ เนื่องจากเค้าต้องการให้ภายในถ้ำมืดสนิทในขณะที่เราดูหนอน และไม่อนุญาติให้ใช้กล้องถ่ายรูปหรือหยิบมือถือออกมาเพราะอาจทำให้เกิดแสงสว่างได้ค่ะ 

New Zealand วันที่ 5 (Apr 11)
ระยะทาง : 469 กิโลเมตร
สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ​
  • Te Anau
  • Milford Soud
  • The Chasm
  • Eglinton Valley
  • Queenstown
Picture
วันนี้พวกเราออกจากโรงแรมตั้งแต่ 8:30 เพื่อที่จะมุ่งหน้าไป Milford Sound ให้ทันเวลาเรือ Cruise ที่เราจองไว้ตอนเที่ยง ระหว่างทางไป ขับๆขึ้นลงเนินอยู่ดีๆหิมะตกค่ะ! ผ่านขึ้นเนินและภูเขาอยู่พักนึง ทุ่งระหว่างทางเปลี่ยนสีกลายเป็นสีขาวอยู่พักนึง สวยงามมาก 
Picture
Picture
ระหว่างทางผ่าน Homer Tunnel ขณะรถติดก่อนที่จะเข้าอุโมงค์ เราได้พบกับนก Kea 2-3 ตัว ที่มาเดินโชว์ตัวแบบไม่กลัวอะไรทั้งสิ้น นกชนิดนี้เหมือนเป็นสัญลักษณ์ของนิวซีแลนด์เลย ว่ากันว่าเป็นนกที่ฉลาดที่สุดในโลกก็ว่าได้ IQ ของมันเทียบเท่ากับเด็ก 4 ขวบเลยทีเดียว นกชนิดนี้เป็นนกที่แข็งแรงตัวใหญ่มาก ความฉลาดและความรักสนุกของมันสร้างทั้งความเพลิดเพลินไปถึงป่วนก่อความรำคาญให้กับนักท่องเที่ยวได้ในเวลาเดียวกัน Guide ที่พาเรา Heli-hike เมื่อวานนี้เพิ่งเล่าให้พวกเราฟังว่า มันมีความสามารถในการใช้ปากเปิดซิปกระเป๋าของนักท่องเที่ยวเพื่อขโมยของได้เป็นว่าเล่น และในบางทีก็รวมตัวกันลากกรวยมาขวางถนนเล่นๆ ตามคลิปนี้
Picture
เฮ้ยแกร! เอาไปวางตรงนู่นเจ๊ะ
Picture
นก KEA
เอาล่ะ แล้วเราก็มาถึง Milford sound ซักที ระยะเวลาที่ดูจาก Google Map เขียนไว้ว่า 1 ชม. 40 นาที อย่าไปเชื่อนะคะ ถนนจาก Te Anau ไป Milford Sound ค่อนข้างจะแคบและเคี้ยวคดพอสมควร เวลาทั้งหมดประมาณ 2 ชม.นิดๆได้ค่ะ อันนี้ทางโรงแรมมีแอบเตือนไว้ก่อนตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว เลยทำให้พวกเราไม่พลาด อีกเรื่องสำคัญคือ ไม่มีปั๊มน้ำมันตลอดทาง และปลายทาง Milford Sound ก็ไม่มีนะคะ เพราะฉะนั้นจาก Te Anau เติมให้เต็มก่อนเลยค่ะ (โรงแรมเตือนไว้เช่นกัน 555) อ่อๆ แล้วก็จากลานจอดรถเดินไปจุดที่ขึ้นเรือจะห่างกันครึ่งโลกว่าได้ ใช้เวลาอีกสิบนาทีได้ สรุปเวลาเดินทางรถ เดินทางเท้ารวมออกมาเกือบ 3 ชม.ทั้งหมดค่ะ
โชคดีที่วันนี้อากาศดี แดดออกจ้า ทำให้การไป Cruise ของเราได้รูปออกมาสวยงามมาก ระหว่างที่อยู่บนเรือเป็นระยะเวลา 1 ชั่วโมง 45 นาที เราได้พบกับวิวสวยๆของยอดเขาสูงไมเทอร์ (Mitre Peak) ที่ตัดกับทะเลสาบอย่างลงตัว ได้พบกับน้ำตกโบเวน (Bowen Falls) ซึ่งเป็นน้ำตกที่ใหญ่และสูงที่สุดในมิลฟอร์ดซาวด์แห่งนี้ เรือได้ไปจอดเทียบโขดหินเพื่อให้เราได้เห็นแมวน้ำอยู่บ้าน 2-3 ตัว แต่ที่ Peak ที่สุดคือฝูงปลาโลมาที่มาเล่นคลื่นบริเวณด้านข้างและท้ายลำของเรืออยู่ 10 กว่าตัว เป็นระยะเวลานานหลาย 10 นาที
Picture
Bowen Falls
Picture
Picture
Picture
Picture
Picture
ปลายทางของเราวันนี้คือ เมืองควีนส์ทาวน์ (Queenstown) เมืองเล็กน่ารักสไตล์อังกฤษที่ตั้งอยู่ท่ามกลางเทือกเขาขนาดใหญ่ที่ชื่อ The Remarkables ซึ่งอุดมไปด้วยธรรมชาติอันสวยงามบนชายฝั่งของ ทะเลสาบวาคาติปู (Wakatipu) ระหว่างทางเราได้เดิน Short Track แวะชมน้ำตกและโตรกหินที่มีความยิ่งใหญ่ที่ The Chasm และจอดรถถ่ายรูปพระอาทิตย์ตกที่เขาเอ็กลิงตัน (Eglinton Valley) สวยเจงๆ
Picture
ออกมาจาก Milford sound มีลำธารให้แวะจอดถ่ายรูป
Picture
Short Track Walk @ The Chasm
Picture
The Chasm
Picture
Sunset at Lake Fergus
วันนี้เป็นวันที่ระยะทางการขับรถใกล้ที่สุดของการเดินทางทั้งหมดเลย แล้วเราก็เอิงเอยกันมากพอสมควร จะ 2 ทุ่มแล้วยังไม่ถึงควีนส์ทาวน์เลย โรงแรมถึงขั้นโทรมาตามเลยแหละ ถนนมืดตึ๊ดตื๋อเนื่องจากไม่มีไฟถนนบนเส้นทางหลักเลย พอเริ่มเห็นไฟของตัวเมืองก็เริ่มอุ่นใจ เราเข้าถึงที่พักและเก็บกระเป๋า กว่าจะออกมาหาข้าวเย็นทานก็เกือบ 3 ทุ่มแล้ว เราจบลงที่ร้านอาหารไทยที่ร้าน At Thai ในคืนนี้ พนักงานที่ร้านเป็นคนไทยเพิ่งมาทำงานไม่กี่เดือน เป็นคนน่ารักมากค่ะ พูดคุยแนะนำสถานที่ต่างๆในตัวเมืองเป็นอย่างดี อาหารก็อร่อยทุกอย่างพวกเราสั่งกันกระหน่ำแทบทุกอย่าง ก็หมดทุกจาน แต่ที่ไม่ประทับใจเลย คือเจ้าของร้านซึ่งเป็นชาวต่างชาติ เนื่องจากได้ให้พนักงานมาบอกกับโต๊ะเราว่าหากพวกเราช่วยเขียนรีวิวใน tripadvisor ให้อย่างดี จะมีการลดราคาค่าอาหารให้พิเศษ ด้วยความที่เราก็ประทับใจกับบริการของพนักงานและรสชาติอาหาร เราก็ไม่รอช้า เขียนรีวิวให้ทางร้านทันที แต่เจ้าของร้านกลับส่งพนักงานคนเดิมมาถามและขอลองเช็คมือถือของเราเนื่องจากเค้าไม่ได้รับข้อความนั้นเลย พวกเราจึงบอกไปว่างั้นไม่จำเป็นต้องลดราคาค่ะ ขอเช็คบิลแล้วกลับที่พักเลยดีกว่า สุดท้ายทางร้านอาหารก็ลดราคาให้เราอยู่ดี เอิ่ม.. อาหารค่ำครั้งนี้จะ Perfect มากถ้าไม่ได้มีการมาตรวจเช็คมือถือนะแจ๊ะ

New Zealand วันที่ 6 (Apr 12)
ระยะทาง : 0 กิโลเมตร
สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ​
  • Queenstown
เนื่องจากเมื่อคืนนี้ตอนที่เราเข้าถึงที่พักก็ดึกมากแล้ว เลยยังไม่ได้มีโอกาสเชยชมบรรยากาศรอบรอบบ้านเลย สถานที่พักที่ทาง Always Vacation จัดให้เราเข้าพักที่ Queenstown นี้ ยอดเยี่ยมน่าประทับใจมาก!! เป็นลักษณะบ้าน 2 ชั้น ติดกัน 2 หลัง บรรยากาศและวิวของห้องสวยมากๆตามรูปนี้เลยค่ะ  แอบดีใจมากที่จะได้พักที่นี่ 2 คืนติด  มันเหมือนเป็นช่วงพักเบรคระหว่างการขับรถที่ยาวนานของทริป แบบที่จะสามารถเอิงเอยนอนดึกตื่นสายได้วันสองวัน
Picture
Picture
วันนี้แพลนของเราคืออยู่ในเมืองควีนส์ทาวน์ทั้งวัน อยู่ในเมืองแบบนี้นอกจากการช็อปปิ้งแล้ว ก็คงจะไม่พ้นเรื่องการกินไปเรื่อยๆ 555 ฉะนั้นวันนี้จะมีรูปอาหารเยอะหน่อย อดทนหน่อยนะคะ เราเริ่มด้วย Brunch ที่ร้าน Bespoke Kitchen ร้านอาหารเล็กๆน่ารักในตัวเมืองค่ะ
Picture
Picture
Picture
Picture
Picture
Picture
Picture
Picture
หลังจากเดินเล่นตาม shop ต่างๆในเมือง 2-3 ชม ก็เก็บได้ครบทุกถนนทุกร้านละ (เมืองเค้าเล็กจิ๊ดเดียว) ใช้เวลา 3 โมงก็มาแปะตัวอยู่ที่ร้านอาหารอีกแล้ว 555  ร้านชื่อ Pier ค่ะอาหารอร่อยทุกจานโดยเฉพาะ Seafood Chowder และ Fish & Chips ชอบมากค่ะ
Picture
Picture
Picture
Fish & Chips, Seafood Chowder
Picture
Oyster
เนื่องจากที่พักวันนี้ใหญ่อลังการ เปิดโอกาสให้เราสามารถทำอาหารกินกันเองได้พวกเราเลยตัดสินใจไป supermarket และใช้เวลาช่วงเย็นถึงดึกในบ้านพัก ทำอาหารทานกัน Happy Day จบวันค่ะ
Picture
Picture
Picture
Picture
Picture
Picture

New Zealand วันที่ 7 (Apr 13)
ระยะทาง : 260 กิโลเมตร
สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ​
  • Queenstown
  • Cromwell
  • Lindi's Pass
  • Lake Pukaki
  • Lake Tekapo
Picture
ระยะเวลาขับรถของเราวันนี้อยู่ที่ 3 ชมกว่าๆ พวกเรา check-out จากโรงแรมประมาณ 9 โมงเช้า แล้วมุ่งหน้าไปยังเมือง Cromwell ระหว่างทางผ่านร้านผลไม้ดังชื่อ Mrs. Jones เป็นร้าน Fruit Stall ก็แวะไปซื้อ Kiwis เค้าหน่อยพอเป็นพิธี ขับถึงเมืองก็แวะถ่ายรูปที่ Cromwell Heritage Precinct แดดกำลังสวยเลย ก็เดินๆอยู่ครึ่งชม บินโดรนได้นิดหน่อย ^_^
Picture
Picture
Picture
ช่วงบ่ายแก่ๆเราไปถึงจุดชมวิวของทะเลสาบปูคากิ (Lake Pukaki) ทะเลสาบที่สวยที่สุดในนิวซีแลนด์ สวยจนได้ชื่อว่า “Million Dollar View” ตอนอ่านในแผนการเดินทาง ในใจคิดว่ามันจะสวยสักเท่าไหร่ฟร้า พอมาถึง โอยยย!! สวยมากของจริง เค้าไม่ได้หลอกหนู ถ้าจะมาที่ Lake นี้ แทนแนะนำให้ขับแยกออกมาจากเส้นหลักเบอร์ 8 เข้าถนน Mt. Cook Rd. (สาย80) ขับขึ้นมาซักเกือบ 10โล จะมีจุดจอดรถชมวิวที่เราต้องเดินลงเนินไปยังทะเลสาบนิดนึงนะคะ แต่แนะนำให้เดินลงไปค่ะ เดินเลียบทะเลสาบตอนช่วงเย็นๆ มันสวยมากจริงๆ มองไปไกลๆจะเห็นยอดเขา Mt.Cook ที่มีหิมะปกคลุมบนยอด ตัดกับวิวทะเลสาบเป็นฉากหลัง เดินเล่นจุดนี้บอกเลยฟินมาก เราใช้เวลาอยู่ที่นี่ประมาณครึ่งชั่วโมง นั่งพักและเลือกหิน shape ต่างๆ มาขว้างเล่นที่ Lake พยายามทำให้ตัดกับผิวน้ำอยู่สักพักใหญ่ ทำไม่เป็น เค้าทำกันไงหว้า ไปเต๊อะ พอออกจากจุดชมวิวนี้ ขับออกมาไม่เกิน 10 นาที เราก็ได้แวะร้านแซลมอน Mt. Cook Alpine Salmon Shop  ซึ่งเป็นร้านขาย Salmon Sashimi ที่ตั้งอยู่จุดที่สูงที่สุดในโลก ณ ปัจจุบัน ลองชิมปลาแซลมอนสดๆพร้อมชมวิวของทะเลสาบนี่มันประสบการณ์ที่คุ้มค่ามากเจงๆ 555
Picture
Picture
Picture
Picture
Picture
Picture
Picture
Picture
Picture
Picture
Picture
จุดหมายสุดท้ายของเราวันนี้คือการเข้าพักในรร ที่ Lake Tekapo และเช่นเคย เมื่อเห็นบ้านใหญ่มีครัวพร้อมอุปกรณ์ เราก็พร้อมออกไป supermarket ซึ่งของเข้ามาทำกินกันเองสำหรับอาหารมื้อค่ำ เมนูคืนนี้ มาม่าผัด ข้าวผัดกระเทียม หมูทอดกระเทียม นอนหลับฝันดีค่ะ :)

New Zealand วันที่ 8 (Apr 14)
ระยะทาง : 246 กิโลเมตร
สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ​
  • Farmers Corner
  • Ashburton
  • Christchurch
Picture
Picture
ใกล้วันกลับเข้ามาทุกทีแล้ว ใจไม่ดีเลย วันนี้ตื่นแบบงอแงนิดหน่อย ตื่นเช้ามาชมวิว Lake Tekapo อยู่พักนึงก็โยกย้ายกันออกจากโรงแรมเพื่อมุ่งหน้าไปยังจุดหมายสุดท้ายของทริปนี้ ซึ่งก็คือเมือง Christchurch

ก่อนกลับก็แวะไปถ่ายรูปเก็บตกที่ Church of the good shepherd ที่อยู่ติด Lake Tekapo ซึ่งในปัจจุบันยังคงใช้ในการประกอบพิธีการต่างๆ ใกล้ๆกันมีอนุสาวรีย์สุนัขต้อนแกะ สร้างด้วยทองสำริด สร้างไว้เพื่อเป็นการยกย่องคุณความดีของสุนัขแสนรู้ แต่ต้องขออภัยด้วยไม่มีรูปโบสถ์และอนุสาวรีย์ใกล้ๆเลย เนื่องจากชาวจีนพลุกพล่านอยู่ทุกตรม.เลยได้แต่เดินเล่นเลียบๆทะเลสาบ และได้มาแค่ประมาณนี้ :( 
Picture
Picture
Picture
Picture
ออกเดินทางต่อ ผ่านเมืองแอชเบอร์ตัน (Ashburton) เมืองที่อยู่ทุ่งราบแคนเทอร์เบอร์รี ที่คนส่วนใหญ่มีอาชีพทำฟาร์มเลี้ยงแกะ หรือฟาร์มวัว เราได้แวะซื้อของฝากที่ Farmers Corner ที่นี่จะขายของพื้นเมือง และมีผลิตภัณฑ์จากแกะ เช่น ครีมรกแกะ ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว เซรั่ม ครีมลาโนลิน หรือตุ๊กตาแกะ พรมขนแกะ ที่เดียวกันนี้เองจะมีฟาร์ม Alpaca อยู่ด้านหลังร้าน พร้อมให้พวกเราได้ป้อนอาหารระยะประชิดตัว

Picture
Picture
Picture
ไม่อร่อยเหรอคะเทอ?
เราเดินทางมาถึงเมืองไคร้ทเชิร์ช (Christchurch) ประมาณ 3 โมง มาถึงเรานัดเจอกันที่ร้านอาหาร Original Sin กินข้าวก่อนจะเดินเล่นรอบๆในเมือง 
Picture
Original Sin
Picture
Picture
Picture
มีคนกำลังวาด Graffiti อย่างโปร
เทียบกับ Queenstown และ Wanaka แล้ว เมืองไคร้ซ์เชิร์ช (Christchurch) เป็นเมืองที่พวกเราแอบผิดหวังกับมันเล็กน้อย เนื่องจากตอนเห็นในแผนที่ และอ่านในแผนการเดินทางแล้วรู้สึกว่า เมืองนี้น่าจะเป็นเมืองที่มีความคึกคัก มีกิจกรรม และมีสถานที่น่าไปเยอะอยู่ แต่พอมาถึงจริงกลับพบว่า นี่มันเหมือนเมืองร้างชัดๆ เราใช้เวลาเดินเล่นตาม shop ต่างๆในเมืองอยู่ประมาณเกือบสองชม. ร้านต่างๆก็ค่อยๆเริ่มทยอยปิด ฝนก็เริ่มตกเบาๆ พวกเราเลยตรงกลับโรงแรมเพื่อเช็คอินและเตรียมตัวที่จะแพ็คกระเป๋าเตรียมกลับบ้าน หลังแพคของเสร็จ เราออกมากินอาหารเย็นมื้อสุดท้ายด้วยกันที่ "The Good Home Wigram" อาหารอร่อยและราคาไม่แพงอย่างน่าเหลือเชื่อ กินเสร็จต่อด้วยขนมอย่างต่อเนื่อง ก่อนจะขับกลับโรงแรม
Picture
Picture
Picture
Picture
Picture

New Zealand วันที่ 9 (Apr 15)
ระยะทาง : 7.6 กิโลเมตร
Picture
ฮือๆ เวลาหมดแล้ว T_T ถึงเวลาต้องแยกย้าย 8 โมงเช้าพวกเราเดินทางออกจากที่พัก เติมน้ำมันเต็มถึง พร้อมขับไปสนามบินที่อยู่ใกล้เพียง 15 นาที หลังจากคืนรถเช่าแล้ว ก็ออกเดินทางมุ่งหน้าสนามบินชางฮี ประเทศสิงคโปร์ ใช้เวลาประมาณ 10.40 ชม. และใช้เวลาเปลี่ยนเครื่องประมาณ 1 ชม. ออกเดินทางมุ่งหน้ากลับสู่ประเทศไทย ใช้เวลาอีกประมาณ 2.25 ชม. สองทุ่มกว่าพวกเราเดินทางถึงประเทศไทย และแยกย้ายกันกลับบ้านไป
Picture
Picture

สุดท้ายนี้ ... ขอขอบคุณรูปสวยๆจากกล้องเพื่อนๆทุกคน (โดยเฉพาะ Note 8 ของพี่แอม พี่เพลิน ^_^) ขอบคุณพี่จิลที่แนะนำทัวร์นี้ ขอบคุณดวงดาวที่ตรวจสอบแก้คำผิดทั้งหมดพร้อมแนะการใช้วรรณยุกต์ต่างๆให้ภาษาไทยของแทนแข็งแรงขึ้น ขอบคุณแพรที่ถ่างตาไม่หลับตลอดทริปเพื่อคุยเป็นเพื่อนคนขับ และขอบคุณพี่เพลินที่พยายามปลุกตัวเองเท่าที่จะทำได้ 555 ขอบคุณพี่นุ่นที่ขับรถให้พวกเราอีกคันตลอดทริป ขอบคุณพี่ตั้มคอย entertain เพื่อนในวงเหล้า ขอบคุณน้องนัทสำหรับฝีมือทำอาหารหลายเมนูเด็ดและคอยช่วยสลับขับรถให้พี่แทน ขอบคุณเพื่อนร่วมทริปคนอื่นๆทุกคน ที่คอยช่วยเหลือ คอยดูแลกันตั้งแต่ต้นจนจบ ความสุขที่เกิดจากทริปนี้ ไม่ใช่เพียงเพราะสถานที่แต่ละที่จะสวยงามเท่านั้น แต่เป็นเพราะสมาชิกแต่ละคนที่ทำให้มันสนุกขึ้น ความรู้สึกห่วงใยดูแลกันและกัน บวกกับความเฮฮา บ้าบอ ของทุกคนที่ทำให้ทริปนี้มันจบลงตัวสมบูรณ์ค่ะ

​​10 คน 10 วันพร้อมกับความประทับใจที่เราจะได้คุยถึงมันไปอีกนาน เจอกันใหม่ทริปหน้าค่ะ ^_^
Comments

    Archives

    April 2018

    Categories

    All

    RSS Feed

    สงวนลิขสิทธิ์ ไม่อนุญาตให้นำรูปภาพหรือตัดข้อความส่วนหนึ่งส่วนใดๆไปใช้ก่อนได้รับอนุญาต หากเพื่อนๆคิดว่าเนื้อหานี้มีประโยชน์และอยากแชร๋ต่อ สามารถส่งต่อ Link URL นี้ได้ค่ะ

  • Home
  • My Adventures
    • NAMIBIA
    • KENYA
    • GERMANY
    • ICELAND
    • NEW ZEALAND
    • BRAZIL
    • MYANMAR
  • IMAGES
  • VDO
  • My Story